โดนเท ! สายการบิน MyAirline หยุดบินวันนี้ อ้างประสบปัญหาการเงิน

เครื่องบินแบบแอร์บัส เอ320 สายการบินมายแอร์ไลน์ MyAirline

ผู้โดยสารเคว้ง ! โดนเทกันถ้วนหน้า สายการบิน MyAirline โลว์คอสต์น้องใหม่จากมาเลเซีย ประกาศหยุดบิน หลังเปิดให้บริการไม่ถึงปี อ้างประสบปัญหาด้านการเงิน ขออภัยผู้โดยสาร-ผู้มีส่วนได้เสียทุกคน

วันที่ 12 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สายการบินมายแอร์ไลน์ (MyAirline : Z9) ประกาศหยุดให้บริการทำการบินทุกเส้นทาง อ้างเหตุผลประสบปัญหาด้านการเงิน สายการบินได้เผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเฟซบุ๊ก “MyAirline” โดยระบุว่า มายแอร์ไลน์ประกาศระงับการปฏิบัติการ

มายแอร์ไลน์รู้สึกเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบถึงการระงับการปฏิบัติการบินชั่วคราว (Suspension) ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการประกาศอีกครั้ง การตัดสินใจที่ยากลำบากนี้ เกิดจากแรงกดดันด้านการเงินอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ต้องยกเลิกการให้บริการระหว่างการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นและการเพิ่มทุนของสายการบิน

แถลงการณ์จากคณะกรรมการบริหารสายการบิน ระบุว่า สายการบินเสียใจอย่างสุดซึ้ง และขออภัยต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ เราเข้าใจถึงผลกระทบต่อผู้โดยสารผู้ภักดี พนักงานที่ทุ่มเทและพันธมิตรของสายการบิน เราได้ทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อเสาะหาความร่วมมือต่าง ๆ และแนวทางการระดมทุนเพื่อเลี่ยงการหยุดทำการบินนี้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่ข้อจำกัดด้านเวลาบีบบังคับให้เราต้องเลือกหยุดปฏิบัติการบิน

ทั้งนี้ เราเข้าใจถึงความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น และเรามุ่งมั่นที่จะสนับสนุนคุณผ่านสถานการณ์นี้ โปรดติดต่อเราที่ [email protected] และทีมสนับสนุนของเราจะพร้อมให้ความช่วยเหลือ

ในระหว่างนี้ เราขอแนะนำให้ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ อย่ามุ่งหน้าไปสนามบิน และหาทางเลือกอื่นในการเดินทางไปยังจุดหมายของตน

คณะกรรมการ ผู้ถือหุ้น และพนักงาน MyAirline จะทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อกลับมาดำเนินการโดยเร็วที่สุด แต่ในตอนนี้เรายังไม่สามารถกำหนดเวลาใด ๆ ได้

“เราขออภัยอย่างจริงใจอีกครั้งสำหรับความไม่สะดวกและปัญหาใด ๆ ที่เกิดขึ้นจากการหยุดปฏิบัติการบินนี้ และจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่ออัพเดตข้อมูลเมื่อมีความพร้อม”

เครื่องบินแบบแอร์บัส เอ320 สายการบินมายแอร์ไลน์ MyAirline

ล่าสุด เมื่อเวลาประมาณ 14.50 น. ของวันที่ 12 ตุลาคม ตามเวลาในประเทศไทย สายการบิน มายแอร์ไลน์ (MyAirline) ได้ออกแถลงการณ์อีกฉบับ โดยอัพเดตสถานการณ์การยุติการทำการบินชั่วคราว ระบุว่า สายการบินขอแสดงความเสียใจที่ไม่ได้จัดสรรเวลาอย่างเพียงพอ สำหรับผู้โดยสารที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน

แถลงการณ์จากคณะกรรมการบริหาร ระบุว่า เราทราบถึงความโกรธและความไม่พอใจของผู้โดยสารและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย สายการบินมายแอร์ไลน์ยอมรับต่อความล้มเหลวนี้อย่างตรงไปตรงมา (unequivocally admits) ต่อการประกาศอย่างกะทันหัน

คณะกรรมการบริหารและทุกคนที่มายแอร์ไลน์ขออภัยต่อผู้โดยสารทุกคน กระทรวงการคมนาคมแห่งประเทศมาเลเซีย บริษัทท่าอากาศยานแห่งมาเลเซีย (Malaysia Airports Holdings Berhad), ท่าอากาศยานไทย (AOT), คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการการบินแห่งมาเลเซีย (MAVCOM), สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศมาเลเซีย (CAAM), สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) รวมถึงทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ เราขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณ

เนื่องจากปัญหาด้านการเงินในปัจจุบัน มายแอร์ไลน์ไม่สามารถเสนอทางเลือกในการกู้คืนการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบซึ่งอยู่ที่สนามบินได้ทันที

อย่างไรก็ดี เราขอแนะนำผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบทุกราย ติดต่อตัวแทนของสายการบินได้ที่ [email protected] ตั้งแต่เวลา 07.00-00.00 น. เพื่อเริ่มต้นกระบวนการคืนเงิน

เราขอใช้โอกาสนี้ ขอแสดงความขอบคุณแก่สายการบินแอร์เอเชีย, บาติกแอร์, กลุ่มมาเลเซียแอร์ไลน์ส และบริษัทท่าอากาศยานแห่งมาเลเซีย สำหรับการช่วยเหลือผู้โดนสารที่ได้รับผลกระทบในระหว่างนี้

ปัจจุบัน มายแอร์ไลน์อยู่ระหว่างการสำรวจทุกเส้นทางเพื่อให้สามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง เราใคร่ขอความอดทนอดกลั้นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ในระหว่างที่เราประเมินทุก ๆ ทางเลือก

มายแอร์ไลน์จะยังคงทำการอัพเดตข้อมูลต่อไปเมื่อมีข้อมูลดังกล่าว

ประกาศจากสายการบินมายแอร์ไลน์ที่ส่งให้แก่สื่อมวลชน
ที่มา : MyAirline

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2566 “ประชาชาติธุรกิจ” เคยได้สัมภาษณ์นายเรเนอร์ เทียว เคง ฮอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของสายการบิน MyAirline (มายแอร์ไลน์) โดยครั้งนั้น ผู้บริหารรายนี้ให้ข้อมูลว่า สายการบินเกิดขึ้นในยุคโควิด-19 โดยสายการบินใช้โอกาสช่วงโควิด “ล็อกต้นทุน” ในระยะยาว ทำให้ได้เปรียบคู่แข่งรายอื่น

โดยสายการบินได้เริ่มทำการบินแรกเมื่อ 1 ธันวาคม 2565 และเริ่มทำการบินเส้นทางสู่ประเทศไทยเที่ยวบินแรกในวันที่ 28 มิถุนายน 2566 จากนั้นสายการบินได้ให้บริการเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองสู่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ในครั้งนั้นผู้บริหารมายแอร์ไลน์ให้สัมภาษณ์ว่า สายการบินมีแผนขยายเส้นทางบินสู่จุดบินอื่น ๆ ในไทย เช่น ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ ภายในสิ้นปี 2566 นี้ จากนั้นเตรียมพิจารณาเพิ่มเที่ยวบินสู่อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน และอินเดีย ส่วนในอนาคต 3-5 ปี อาจพิจารณาเปิดทำการบินเส้นทางอินเดียเพิ่มเติม เกาหลีใต้และออสเตรเลีย และที่สำคัญคือ เตรียมขยายฝูงบินเป็น 80 ลำ ในปี 2570 (ค.ศ. 2027)

เมื่อสอบถามว่า สายการบินในเอเชียต่างสั่งซื้อเครื่องบินจำนวนมหาศาล แนวทางดังกล่าวจะนำไปสู่ปัญหาอุปทานส่วนเกิน (Oversupply) ในภาคการบินหรือไม่ ผู้บริหารรายนี้ตอบว่า ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าซัพพลายเครื่องบินยังไม่มากจนเกินไป ภูมิภาคอาเซียนมีประชากรกว่า 600 ล้านคน หากรวมประเทศรอบ ๆ อาเซียน ประชากรย่อมมีมากกว่านั้น ภูมิภาคอาเซียนจึงยังมีโอกาสและมีศักยภาพในการขยายตัว

“เราไม่ได้มองแค่ตลาด 2-3 ประเทศ แต่เรามองไกลมากกว่านั้น ดังนั้น แผนการสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

สำหรับเรเนอร์ เทียว “เรเนอร์ เทียว” เริ่มต้นจากการทำงานกับสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ส (Malaysia Airlines) ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแผนกสำรองที่นั่งและออกบัตรโดยสาร จากนั้นได้ร่วมงานกับบริษัท Abacus Distribution Systems (Malaysia) Sdn Bhd ตำแหน่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ และเจ้าหน้าที่ผู้ช่วยแผนกการรับรองเอเย่นต์ที่สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ในระหว่างปี 2536-2547

เรเนอร์ เทียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินมายแอร์ไลน์ (MyAirline)
เรเนอร์ เทียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินมายแอร์ไลน์ (MyAirline)

ต่อมาในระหว่างปี 2547-2562 “เรเนอร์” ได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าแผนกฝ่ายขายและการจัดจำหน่ายที่บริษัท AirAsia Group Berhad ก่อนที่จะร่วมงานกับสายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์ ในตำแหน่งที่ปรึกษาเชิงพาณิชย์ในเดือนธันวาคม 2562