มะเร็งตับคร่าชีวิต Issey Miyake-อิซเซ มิยาเกะ ยอดดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่น วัย 84 ปี
วันที่ 9 สิงหาคม 2565 เจแปนนิวส์ รายงานว่า อิซเซ มิยาเกะ ดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นผู้โด่งดังระดับโลก เสียชีวิตแล้ว ขณะอายุ 84 ปี โดยจากโลกไปตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค. ด้วยโรคมะเร็งตับ แต่ทางบริษัท อิซเซ มิยาเกะ กรุ๊ป เพิ่งแจ้งข่าวเศร้านี้ พร้อมเผยว่า มิยาเกะได้สั่งเสียไว้ก่อนหน้าว่า ไม่ต้องจัดงานศพหรืองานรำลึกใด ๆ ผลงานทั้งหมดทิ้งไว้ให้ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ได้ศึกษา
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ด้านสำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า มิยาเกะมีผลงานการทดลองตัดเย็บที่โดดเด่น ได้ฉายาว่า prince of pleats หรือ เจ้าชายแห่งการจับจีบ จากการคิดค้นวิธีจับจีบเพื่อไม่ให้ผ้ายับ และเคลื่อนไหวได้สะดวก ทั้งง่ายต่อการดูแลรักษาชุดเสื้อผ้า ตั้งแต่ยุคทศวรรษ 1980
นอกจากนี้ยังเป็นที่จดจำถึงผลงานการออกแบบเสื้อคอเต่าสีดำยอดฮิตตลอดกาล รวมถึงการเป็นเพื่อนกับ สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท แอปเปิล อิงก์ ที่จากโลกไปก่อนแล้ว
มิยาเกะเกิดวันที่ 22 เมษายน 1938 ที่เมืองฮิโรชิมา ตอนที่กองทัพสหรัฐทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ลงเมืองฮิโรชิมา วันที่ 6 สิงหาคม 1945 ตอนนั้น มิยาเกะอายุ 7 ขวบ และอยู่ในห้องเรียน
แม้รอดชีวิตมาได้ แต่แม่ของมิยาเกะเสียชีวิตใน 3 ปีหลังจากนั้น เพราะฤทธิ์ของกัมมันตรังสี จึงเป็นเรื่องที่สะเทือนใจสำหรับมิยาเกะ ซึ่งยากที่จะพูดถึงเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว และไม่อยากให้ใครเขียนว่า เป็นดีไซเนอร์ที่รอดตายมาจากระเบิดทำลายล้างในครั้งนั้น
“เวลาที่ผมหลับตาลง ผมคิดว่าไม่ควรมีใครมีประสบการณ์เช่นนั้นเลย” มิยาเกะเขียนถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งส่วนหนึ่งทำให้เขาอยากทำงานที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่ทำลาย และงานออกแบบเสื้อผ้าตอบโจทย์นี้ เพราะเป็นรูปแบบงานสร้างสรรค์ที่ทันสมัยและมองในมุมบวก
ช่วงเด็ก มิยาเกะคิดอยากเป็นนักเต้น หรือนักกีฬา แต่เมื่อได้อ่านนิตยสารแฟชั่นของพี่สาวแล้ว ก็เปลี่ยนทิศทางมาสนใจงานออกแบบชุดเสื้อผ้า
มิยาเกะศึกษาการออกแบบกราฟิก ที่มหาวิทยาลัยศิลปะทามะ Tama Art University กรุงโตเกียว ก่อนไปเรียนดีไซน์เสื้อผ้าที่กรุงปารีส จากนั้นสร้างชื่อด้วยรูปแบบการใช้ผ้าชิ้นเดียวตามรูปแบบของกิโมโนและแฟชั่นตามแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น กับห้องเสื้อ กีลาโรช และห้องเสื้อ จีวองชี ก่อนย้ายไปนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
มิยาเกะเดินทางกลับมาที่โตเกียวในปี 1970 (พ.ศ. 2513) ก่อตั้ง the Miyake Design Studio ช่วงปลายยุค 80 เริ่มต้นทดลองกับการจับจีบ โดยให้นักเต้นรำใส่เพื่อเคลื่อนไหวอย่างมีอิสระ จากนั้นพัฒนาเทคนิคนี้จนเป็นจุดเด่น หรือซิกเนเจอร์ของตนเอง ว่า “Pleats, Please”
ต่อมา มิยาเกะพัฒนาการออกแบบเสื้อผ้าให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ไปจนถึงกระเป๋า นาฬิกา และน้ำหอม ก่อนถอนตัวจากวงการแฟชั่นในปี 1997 (พ.ศ. 2540) เพื่อทุ่มเทให้กับการวิจัย
เมื่อปี 2016 (พ.ศ. 2559) มิยาเกะเคยให้สัมภาษณ์เดอะ การ์เดียน ถึงประเด็นว่านักออกแบบรุ่นใหม่เผชิญโจทย์อะไรที่ท้าทายในอนาคต ยอดดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นตอบว่า คนจะบริโภคน้อยลง ดังนั้นต้องคิดหากระบวนการที่ประหยัด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ
“ที่ปารีส เราเรียกคนที่ผลิตเสื้อผ้าชั้นสูง จากการพัฒนาชิ้นงานใหม่ ๆ แต่งานออกแบบจริง ๆ แล้ว คือการทำให้สิ่งนั้นใช้งานได้ในชีวิตจริง” มิยาเกะกล่าว
……