เงินเฟ้อสหรัฐ เดือนธันวาคม 6.5% ต่ำสุดในปี 2565 ลุ้นเฟดขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25%

ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ
REUTERS/Andrew Kelly/File Photo

อัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคม 2565 ของสหรัฐลดลงต่อเนื่องอีกเดือน ลงไปอยู่ที่ 6.5% หลังจากนี้ยังต้องลุ้นว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.5% หรือชะลอขึ้น 0.25% 

วันที่ 12 มกราคม 2566 Financial Times รายงานว่า สำนักงานสถิติแรงงาน สหรัฐอเมริกา เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index : CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อ ประจำเดือนธันวาคม 2565 ท่ามกลางการจับตามองของทั่วโลก

ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้น 6.5% จากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ซึ่งหมายถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ 6.5% และเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ดัชนีราคาผู้บริโภคลดลง 0.1%

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนธันวาคม 2565 ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 เป็นอัตราต่ำที่สุดในปี 2565 และต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 

ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) หรืออัตราเงินเฟ้อที่ไม่รวมราคาอาหารและน้ำมันอยู่ที่ 5.7% ลดลงจากเดือนพฤศจิกายนซึ่งอยู่ที่ 6% 

อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเป็นไปตามที่นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้ว่า นโยบายการเงินอันแข็งกร้าวของธนาคารกลางสหรัฐจะกดให้อัตราเงินเฟ้อเดือนธันวาคมลดลงได้อีกครั้ง เหมือนที่อัตราเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนลดลงจากเดือนก่อนหน้านั้น  

ถึงแม้กราฟเงินเฟ้อของสหรัฐเป็นขาลงแล้ว แต่อัตราเงินเฟ้อ 6.5% ก็ยังเป็นระดับที่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ ที่กำหนดไว้ 2% และยังเป็นระดับที่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ

ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เปิดเผยออกมานี้ จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะใช้ในการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินในวันที่ 31 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ 2566 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา แมรี ดาลี (Mary Daly) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก เปิดเผยว่า มีความเป็นไปได้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% หรือ 0.25% และเธอคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 4.25%-4.5% นั้น จะปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 5.00%-5.25% และจะคงอยู่ที่ระดับนั้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% แต่การที่ดอกเบี้ยจะตรึงอยู่ระดับดังกล่าวนานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจในอนาคต

นอกจากนั้น นางดาลีคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานของสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ระดับ 3.5% จะเพิ่มขึ้นแตะประมาณ 4.5% หรือ 4.6% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 5.5% จะลดลงสู่กรอบล่างของ 3% ภายในสิ้นปี 2566 

และก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน นายแรนดัลล์ โครสซ์เนอร์ (Randall Kroszner) อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ที่ University of Chicago Booth School of Business บอกคาดการณ์กับ Bloomberg ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง จากขึ้นทีละ 0.50% เป็นทีละ 0.25% หลังการประชุมในช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

……………………