สถาบันการเงิน ตั้งแต่ธนาคาร ไปจนถึงธุรกิจแพลตฟอร์ม ชำระเงินออนไลน์ของประเทศจีน ต่อไปนี้จะไม่สามารถให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีกับลูกค้าได้
วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้แบนสถาบันการเงิน และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ในการให้บริการทางการเงิน ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล หรือ “คริปโทเคอร์เรนซี” และเตือนนักลงทุน ถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นเวลาเทรดดิ้งคริปโทเคอร์เรนซี
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
รายงานข่าวระบุ มาตรการดังกล่าว จะทำให้สถาบันการเงิน อย่างธนาคาร ไปจนถึงธุรกิจแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ ไม่สามารถให้บริการใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีกับลูกค้า โดยเป็นความพยายามล่าสุดของทางการจีน ในการเข้าควบคุมตลาดคริปโทเคอร์เรนซี
นอกจากนี้ ทางการจีนยังออกคำแถลงการณ์ว่า ช่วงไม่นานมานี้ มูลค่าคริปโทเคอร์เรนซีพุ่งกระฉูด และดิ่งเหว รวมทั้งเทรนด์การเก็งกำไรคริปโทฯ ที่กลับมาอีกครั้ง ซึ่งทั้งสองปัจจัยประกอบกัน จะเข้ามามีผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินบุคคล รวมทั้งเข้ามาทำลาย ระบบเศรษฐกิจและการคลังของประเทศ
ก่อนหน้านี้ จีนเป็นหนึ่งในประเทศ ที่ได้ออกมาตรการเข้มงวดที่สุดในโลกกับตลาดคริปโทฯ อย่างการแบนไอซีโอ (initial coin offerings) หรือการระดมทุนแบบดิจิทัล ด้วยการเสนอขายดิจิทัลโทเคน หรือที่เคยออกคำสั่งปิดแพลตฟอร์มเทรดดิ้งคริปโทฯของจีนเอง อย่างไรก็ดี ยังไม่ห้ามบุคคลในการถือคริปโทเคอร์เรนซี