เปิดนโยบายผู้นำเกาหลีใต้คนใหม่ หนุน “แชโบล” สร้างเศรษฐกิจ

เกาหลีใต้ ชาติเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 10 ของโลกกำลังจะเปิดศักราชใหม่

จากการที่พรรคฝ่ายอนุรักษนิยมชนะเลือกตั้ง คว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใหม่ภายใต้การนำของ “ยุน ซอก ยอล” จากพรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นฝ่ายอนุรักษนิยม เฉือนชนะการเลือกตั้ง

ด้วยคะแนนเหนือผู้สมัครคู่แข่งสายเสรีนิยมเพียง 0.8% โดยยุนได้รับคะแนนเสียง 48.6% ขณะที่นายอี แจ มยอง ผู้สมัครจากพรรคคู่แข่งได้ 47.8% ถือเป็นผลเลือกตั้งที่คะแนนเชือดเฉือน และเละเทะที่สุดในเกาหลีใต้ที่เคยมีมา

ว่าที่ประธานาธิบดีคนที่ 20 ของเกาหลีใต้รายนี้มีนโยบาย “สายแข็ง” และขวาจนเกือบจัดในหลายด้าน สื่อตะวันตกบางสื่อเปรียบเทียบ ยุน ซอก ยอล ว่าประหนึ่ง “โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งเกาหลีใต้” ทั้งในแง่เศรษฐกิจตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจเพื่อนบ้านอย่างจีน

และชาติร่วมสายเลือดอย่างเกาหลีเหนือ ในการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้าย “ยุน” อดีตอัยการผู้เคยทำคดีทุจริตจนสามารถยัด 2 อดีตผู้นำอย่าง “ปาร์ก กึน เฮ” และ “อี เมียง บัก” เข้าคุกในคดีทุจริต

ที่กำลังจะขึ้นเป็นผู้นำประเทศเอง นายยุนให้คำมั่นว่าจะสร้างสังคมที่เท่าเทียมพร้อม “คลีนนิ่ง” นโยบายของรัฐบาลชุดเก่า รวมถึงจัดการทุจริตอย่างจริงจัง

นโยบายเศรษฐกิจของยุนค่อนข้างจะสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจที่“นำโดยภาคเอกชน” หรือเครือข่ายกลุ่มทุนเอกชนที่เรียกว่า “แชโบล” สนับสนุนแนวทางที่นำโดยตลาด

รวมถึงการสร้างงานที่นำโดยภาคเอกชน มากกว่าการสร้างงานจากรัฐบาล อีกทั้งให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปภาษีจากภาคเอกชนใหม่ รวมถึงผ่อนคลายกฎระเบียบของอุตสาหกรรมเงินดิจิทัล

แผนปฏิรูปภาษีที่ยุนชูเป็นนโยบายหลักประกาศลดการเก็บภาษีกำไรจากการลงทุน สำหรับผู้มีรายได้เกิน 50 ล้านวอน และลดภาษีการถือครองอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย

พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะสร้างบ้านสวัสดิการของรัฐอีกอย่างน้อย 2.5 ล้านหลังภายใน 5 ปีข้างหน้า รวมถึงที่พักอาศัยไม่น้อยกว่า 50,000 แห่งรอบกรุงโซล ผลจากที่ราคาอสังหาฯในเมืองหลวงเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เขามองว่ารัฐไม่ควรเข้าไปกำหนดชี้นำอัตราราคาที่ดิน ควรปล่อยให้เป็นไปตามกลไกราคาตลาด

“ผมจะสร้างงานและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชนชั้นกลางของเราโดยเปลี่ยนจุดเน้นทางเศรษฐกิจไปที่ภาคเอกชน แทนที่จะปล่อยให้นำโดยรัฐบาล”

ด้านการต่างประเทศ ยุนมีแนวโน้มที่เอียงไปแสวงหาความมั่นคงจากสหรัฐมากขึ้น ส่วนตัวเขาสนับสนุนการติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ THAAD ของสหรัฐในประเทศ เพื่อสร้างหลักประกันต่อภัยคุกคามจากเปียงยาง ซึ่งนั่นจะยิ่งสร้างความตึงเครียดกับทั้งจีนและเกาหลีเหนือมากกว่าเดิม

นอกจากนี้ เขายังต้องการเห็นเกาหลีใต้มีบทบาทมากขึ้นในความสัมพันธ์กับสหรัฐ ภายใต้ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ที่คานอิทธิพลทางเศรษฐกิจจีนมากขึ้น โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

เช่น ซัพพลายเชนเซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี่รถอีวี และความปลอดภัยทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม ยุนมีประเด็นครหาสำคัญที่จะเป็นชนักติดหลังไปตลอดวาระ คือ เรื่องความเท่าเทียมทางเพศทั้งของสตรีและกลุ่ม LGBTQ