แพงทั้งแผ่นดินได้อีก

น้ำมัน
คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ

ท่าทีของรัฐบาลที่มีก่อนกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวกดดัน “ทรัก พาวเวอร์ ไฟนอล ซีซั่น” เป็นความพยายามที่จะบอกว่า คนทุกกลุ่มเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำมันแพง รัฐบาลต้องดูแล ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการขนส่ง

คำพูดที่รัฐบาลย้ำบ่อย ๆ คือ การแก้ปัญหาน้ำมันแพงต้องคำนึงถึงงบประมาณของรัฐ และสถานการณ์น้ำมันโลก แต่สารที่ส่งมาจากฝ่ายเคลื่อนไหว คือ รัฐบาลต้องช่วยแก้หรือบรรเทาปัญหาตรงจุดแรก ๆ ของต้นทุนก่อน การมองปัญหาและแก้ปัญหาระหว่างสองฝ่ายจึงไม่บรรจบกัน

การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบการขนส่งสัปดาห์นี้มีขึ้นเป็นครั้งที่สอง ทิ้งห่างจากครั้งแรก 2 เดือนที่เคยขอให้รัฐตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ไม่เกินลิตรละ 25 บาท รวมถึงตั้งข้อสังเกตว่าการผสมไบโอดีเซลมีส่วนทำให้ราคาดีเซลเพิ่มขึ้น จึงสมควรถอดออกไป

ทางกลุ่มสหพันธ์ย้ำว่า พยายามยื้อไม่ขึ้นราคาค่าขนส่ง เพราะตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมาเป็นลูกโซ่ ซึ่งถ้ารัฐบาลไม่ตอบสนองจนผู้ประกอบการไม่ไหวจริง ๆ ก็ต้องประกาศขึ้นราคาในที่สุด จากนั้นคาดการณ์ได้ไม่ยากว่าต้นทุนทุกสิ่งอย่างจะต้องพาเหรดกันขึ้นกว่าเดิม ตอกย้ำสภาพการณ์แพงทั้งแผ่นดินที่ยังแพงขึ้นได้อีก

ขณะที่รัฐบาลชี้ว่า หากต้องตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ทีต่ำกว่า 25 บาทต่อลิตรได้ จะต้องใช้เงินสนับสนุนถึงเดือนละ 20,000 ล้านบาท หรือตกปีละ 240,000 ล้านบาท ซึ่งนอกจากเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินกว่ารัฐจะแบกรับไหว ยังขัดแย้งกับนโยบายที่ต้องไม่บิดเบือนกลไกตลาด หรือสร้างภาระงบประมาณในอนาคต

ทางแก้ไขที่กระทรวงพลังงานระบุว่า พอทำได้มาตลอดคือ ใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาช่วยตรึงราคาค่าการตลาด และราคาดีเซลให้ไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร ไม่เช่นนั้นราคาอาจจะสูงถึง 34 บาทต่อลิตร ขณะที่สถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเวลานี้ติดลบไปแล้วไม่น้อยกว่า 16,000 ล้านบาท

ด้านภาคเอกชน ผลการสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 150 คน ได้ผลสรุปที่เป็นข้อเสนอว่า ให้ลดภาระภาษีและค่าธรรมเนียม รวมถึงภาษีสรรพสามิตเชื้อเพลิง

แต่กระทรวงการคลังชี้ว่า หากลดภาษีน้ำมันลงจากปัจจุบัน จะทำให้รายได้ของรัฐหายไปกว่า 2,000 ล้านบาทต่อเดือน และจะกระทบต่อรายได้รัฐในปีงบประมาณ 2565 ที่ได้รับจากเงินงบประมาณ 2.47 ล้านล้านบาท โดยขาดดุลอยู่ถึง 7 แสนล้านบาท

ดังนั้น มาตรการภาษีที่ควรเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะใช้ พร้อมแนะให้ใช้บริการกองทุนน้ำมันฯที่ยังกู้เงินได้ไปก่อน แนวปะทะของการแก้ปัญหาดังกล่าวบ่งบอกว่า สุดท้ายแล้วประชาชนต้องรับภาระทุกทาง ไม่ว่าผ่านทางภาษี กองทุน หรือสินค้าที่ขึ้นราคา