VANTAGE POINT บุฟเฟ่ต์อาหารยุโรป ดื่มด่ำวิวเมือง-สวนป่า ที่ศูนย์สิริกิติ์

VANTAGE POINT เปิดแคมเปญพิเศษ “VANTAGE BUFFET” บุฟเฟ่ต์อาหารยุโรป บนคอนเซ็ปต์ “Mercato Centrale” กิน เที่ยว ในตลาดอิตาลี พร้อมดื่มด่ำวิวเมืองและสวนเบญจกิติ 180 องศา ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

วันที่ 3 มีนาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า VANTAGE POINT ภัตตาคารอาหารยุโรป ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดตัวแคมเปญพิเศษ “VANTAGE BUFFET” พร้อมเสิร์ฟอาหารยุโรปทั้งเมนูคาว หวาน และเครื่องดื่ม ที่คัดเลือกจากเมนู อะ ลา คาร์ท กว่า 60 รายการ ให้ได้อร่อยเต็มอิ่มแบบบุฟเฟ่ต์

ความโดดเด่นของ VANTAGE POINT เกิดจาก 3 องค์ประกอบมารวมกัน ได้แก่ รสชาติอาหารรวมทั้งวัตถุดิบที่ผ่านการคัดสรรและปรุงแต่งโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารยุโรป

ถัดมาคือการตอบโจทย์ต่อความหลากหลายของเมนูทั้งคาว หวาน เครื่องดื่ม รวมไปถึงบริการที่ครอบคลุม มีให้เลือกทั้งแบบ อะ ลา คาร์ท และบุฟเฟ่ต์

สุดท้ายคือวิวระดับทองคำ บนชั้น 2 ของศุนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่มีบานกระจกกว้างให้ทุกคนเพลินเพลินไปกับการชมธรรมชาติเขียวขจีจากสวนเบญจกิติ และตึกสูงที่เรียงรายอยู่ในเมือง โดยทางร้านมีที่นั่งให้เลือกทั้งโซนอินดอร์และเอาต์ดอร์ตามความต้องการของลูกค้าแต่ละคน แต่ไม่ว่าจะเลือกโซนไหนก็น่าประทับใจไม่แพ้กัน

VANTAGE POINT

Mercato Centrale ลิ้มรสอาหารยุโรปบรรยากาศตลาดอิตาลี

VANTAGE POINT ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบและตกแต่งร้านมาจาก “Mercato Centrale” หรือตลาดกลาง ในประเทศอิตาลี ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในเมืองฟลอเรสซ์ โดยมีเอกลักษณ์คือรวบรวมร้านอาหารชั้นยอดของอีตาลีมาไว้ด้วยกันในที่เดียว ก่อนได้รับความนิยม และถูกขยายออกไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรป อาทิ สเปน และฝรั่งเศส ซึ่งความนิยมดังกล่าวเกิดจากการมีความหลากหลายของประเภทอาหาร เหมาะสำหรับการกิน ดื่ม และพักผ่อนแบบชิว ๆ ในยามเย็น

และเนื่องจากร้านอยู่ใกล้กับสวนเบญจกิติ ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะตกแต่งภายในให้ล้อไปกับสวนป่าและบึงน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ภายนอกศูนย์ประชุมฯ อีกทั้งในร้านยังแบ่งโซนออกเป็น 3 โซนด้วยกัน ประกอบด้วย

VANTAGE POINT

“THE PARK” เป็นโซนที่ตกแต่งให้มีอารมณ์ร่วมไปกับสวนป่าเบญจกิติ ผ่านสีเขียวที่โดดเด่น พร้อมกับมีห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัวถึง 4 ห้อง เหมาะสำหรับใครที่มากับครอบครัว แก๊งเพื่อน แล้วต้องการความเป็นส่วนตัว หรือใครที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ก็สามารถเปิดประตูที่กั้นกลางระหว่างห้องให้เหลือเป็นห้องเดียวได้

VANTAGE POINT

ถัดมา “THE CITY” เป็นโซนครัวแบบเปิดที่สร้างความมีชีวิตชีวาให้กับร้าน ลูกค้าจะได้เห็นวิธีการรังสรรค์อาหารของเชฟกันสด ๆ ทั้งการอบพิซซ่า ครัวร้อน ครัวเย็น บาร์เครื่องดื่ม มุมซีฟู้ด ไปจนถึงบาร์เบเกอรี

VANTAGE POINT

ทางด้านขวาสุดของร้าน “THE LAKE” ที่อยู่ตรงกับบึงน้ำขนาดใหญ่ด้านหน้าศูนย์ประชุมฯ จึงตกแต่งโซนนี้ในแบบทะเลสาบ เน้นสีน้ำเงินเป็นหลัก ควบคู่ไปกับลวดลายเส้นโค้งบนเพดานอันเป็นลักษณะของเกลียวคลื่น อีกทั้งบนโต๊ะอาหารยังมีขวดโหลที่ภายในบรรจุของตกแต่งเกี่ยวกับทะเลสาบวางไว้อย่างสวยงาม

VANTAGE POINT

“OUTDOOR” อีกหนึ่งโซนที่สายชิวพลาดไม่ได้ เพราะคุณจะได้ดื่มด่ำวิวป่าและวิวเมืองอย่างเต็มอิ่ม 180 องศา พร้อมรับลมธรรมชาติขณะรับประทานอาหาร

นอกจากการตกแต่งภายใต้คอนเซ็ปต์ ตลาดกลาง Mercato Centrale แล้ว ทางร้านยังสร้างบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาด้วยการให้ลูกค้าสแกนสั่งอาหารที่เคาน์เตอร์ด้วยตัวเอง ให้ความรู้สึกเหมือนเดินซื้อของในตลาดและจะได้เดินย่อยอาหารไปในตัว

โดยร้าน VANTAGE POINT มีพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ถึง 300 คน

บุฟเฟ่ต์อาหารยุโรป เสิร์ฟแบบจุใจ

VANTAGE BUFFET นำเสนออาหารยุโรปโดยเฉพาะ หลากหลายกว่า 60 รายการ ที่คัดเลือกมาจากเมนู อะ ลา คาร์ท ซึ่งเมนูไฮไลต์ที่ห้ามพลาด ได้แก่

VANTAGE POINT

“Calamari and Chip” หมึกทอดและเฟรนช์ฟรายส์ เลมอนที่บีบลงไปบนหมึกทอดกรอบทำให้ได้รสชาติที่ลงตัว พร้อมเฟรนช์ฟรายส์และ chip dips ที่เสิร์ฟมาคู่กันทำให้เมนูนี้สามารถทานเล่นได้เรื่อย ๆ

VANTAGE POINT

“Truffle Soup” ซุปเห็ดทรัฟเฟิล ซุปร้อน ๆ ที่ถูกเสิร์ฟคู่มากับครัวซ็อง จานนี้บอกเลยว่ามีความหอมมันจากทรัฟเฟิล ยิ่งคู่กับครัวซ็องแล้วยิ่งให้อารมณ์แบบยุโรปเพิ่มขึ้นไปอีก

VANTAGE POINT

“Spaghetti Gorgonzola” สปาเกตตีครีมชีสกอร์กอนโซลา อาหารยอดนิยมของชาวอิตาลี ถูกเสิร์ฟพร้อมกับเส้นที่เหนียวนุ่มกำลังดี ยิ่งรวมกับกลิ่นหอมและความมันเล็ก ๆ ของครีมชีส ทำให้จานนี้เป็นอีกหนึ่งซิกเนเจอร์ของร้านและเป็นอาหารอิตาลีที่ไม่ควรพลาด

VANTAGE POINT

“Chicken Milanese” ไก่ทอดกรอบชิ้นใหญ่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเสิร์ฟปริมาณจุใจขนาดนี้ในไลน์บุฟเฟ่ต์ ไก่ในแป้งที่ถูกทอดจนกรอบเสิร์ฟพร้อมกับ dips และผักบนจาน จานนี้จึงเป็น main course ที่บ่งบอกถึงสไตล์ความเป็นมิลานได้อย่างดี

VANTAGE POINT

“Salmon Steak” เนื้อปลาแซลมอนขนาดเต็มคำขนาดถึง 80 กรัมต่อจาน ที่ถูกทอดให้สุกกำลังดีจนได้เนื้อที่นุ่มและหนังที่กรอบ เสิร์ฟบนซอสของทางร้านถึง 2 อย่างภายในจานเดียว

VANTAGE POINT

“Truffle Cream Pizza” พิซซ่าครีมทรัฟเฟิล ที่พร้อมให้ลูกค้าเดินไปตักได้ตลอดเวลา พิซซ่าแป้งบางนุ่มหน้าครีมทรัฟเฟิลมีความหอม มัน และเค็มเล็กน้อย จากตัวครีมชีส เข้ากันอย่างลงตัว เป็นเมนูที่ห้ามพลาดหากมาถึง Mercato Centrale ที่อิตาลีแล้ว

VANTAGE POINT

“Oyster On Ice” มาที่อาหารททะเลกันบ้างที่โดดเด่นด้วยหอยนางรมไซส์ยัก 3 ตัว วางอยู่บนถ้วยน้ำแข็งและเสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟูดของทางร้าน

VANTAGE POINT

“Chocolate Mousse” มาต่อกันที่ของหวานมูสเค้กช็อกโกแลตเนื้อเนียนนุ่ม รสชาติเข้มข้น ทานพร้อมกับ ซอสและผลไม้ประเภทเบอร์รี เกิดเป็นความเปรี้ยวตัดความเข้มที่ลงตัว

VANTAGE POINT

“Creme Brulee” แครม บรูว์เล่ เนื้อเนียนนุ่มที่ด้านบนถูกทอชให้เกรียมเล็กน้อย เพิ่มความหอมและรสสัมผัสที่หลากหลายมิติมากขึ้น นุ่มและกรอบในเวลาเดียวกัน

ปิดท้ายกันที่เครื่องดืม ที่โดดเด่นคือม็อกเทล European ทั้ง “Green Floral” และ “VP Sling” ที่ให้รสเปรี้ยวนิด ๆ และทให้รู้สึกสดชื่น เหมาะกับอากาศร้อน ๆ ของไทยได้เป็นอย่างดี

VANTAGE POINT

VANTAGE POINT เปิดให้บริการแล้วที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น 2 โดยมีโปรแกรมอาหารเป็น “VANTAGE อะ ลา คาร์ท” ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00-21.00 น.

“VANTAGE BUFFET” เปิดบริการในราคา 998++ รายละเอียดดังนี้

  • วันจันทร์-ศุกร์ 1 รอบ ตั้งแต่เวลา 17.00-20.00 น.
  • วันเสาร์-อาทิตย์ และนักขัตฤกษ์ 2 รอบ แบ่งเป็น เวลา 11.00 น.-14.00 น. และ 17.00 น.-20.00 น.

สำหรับใครที่สนใจบุฟเฟ่ต์ แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า โดยสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FaceBook : VANTAGE POINT RESTAURANT, Instagram : VANTAGE POINT RESTAURANT

VANTAGE POINT VANTAGE POINT VANTAGE POINT VANTAGE POINT