ม.หอการค้า จับมือ What The Duck ปูทางเด็กรุ่นใหม่สู่ธุรกิจบันเทิง

ม.หอการค้า ร่วมกับ What The Duck ปูทางเด็ก Gen Z สู่ธุรกิจบันเทิง

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับค่ายเพลง What The Duck ปูทางเด็ก Gen Z สู่ธุรกิจบันเทิงยุคดิจิทัล ทำเพลงโดยไม่ต้องพึ่งค่ายเพลง 

วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) โดยฝ่ายสื่อสารการตลาด จับมือกับค่ายเพลง What The Duck ปูทางคนรุ่นใหม่สู่ธุรกิจบันเทิงในยุคดิจิทัล 

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ What The Duck ครั้งนี้จะเป็นการสร้างโอกาสแห่งการเรียนรู้ใหม่ ๆ ให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่มีความใฝ่ฝันอยากทำงานด้านสายความบันเทิง โดยเฉพาะงานด้านการทำเพลงหรือการเป็นศิลปิน เพราะเพลงเป็นภาษาสากลไม่ว่าเราจะรู้จักภาษานั้นหรือไม่รู้จักภาษานั้น แต่เราก็มีอารมณ์ร่วมกับบทเพลงนั้น 

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเป็นมหาวิทยาลัยที่เปิดโอกาสการเรียนรู้ใหม่ ๆ ทุกคนต่อยอดได้ไม่จำเป็นต้องเป็นแค่นักศึกษาชั้นปีที่ 1-4 การมีประสบการณ์ในการเป็นนักศึกษาก็อาจมีแรงบันดาลใจจากศิลปินก็เป็นได้ นักศึกษาเรามีความฝันแต่ฝันคนเดียวไม่สนุกเราจึงต้องมีคนมาช่วยสานฝัน การที่เรามีความร่วมมือของธุรกิจค่ายเพลง What The Duck ที่วัยรุ่นรู้จักดี มีศิลปินหลายคนมาแสดงคอนเสิร์ตที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย

“ซึ่ง What The Duck เป็นค่ายเพลงยุคสมัยใหม่ชั้นนำของประเทศที่มีความโดดเด่นของการสนับสนุนศิลปินด้วยความเป็นตัวเองของศิลปิน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยก็มุ่งเน้นให้นักศึกษาได้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าดนตรีสอนอะไรให้กับชีวิตคนเราได้หลายอย่างและการนำเอาดนตรีหรือธุรกิจเพลงเข้ามาบูรณาการร่วมกับการเรียนการสอนของเรา จะทำให้เราทั้งสองฝ่ายมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพของนักศึกษาของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยซึ่งจะเป็นการสร้างความสุขหรือ Entertainment ที่รวมเอา Education เข้าไว้ด้วยนั่นเอง” 

ม.หอการค้า ร่วมกับ What The Duck ปูทางเด็ก Gen Z สู่ธุรกิจบันเทิง

ทำเพลงโดยไม่ต้องพึ่งค่ายเพลง

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์กนกกาญจน์ บัญชาบุษบง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารการตลาด มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนเรา ดนตรีก็อยู่กับมนุษย์เรามาช้านาน ยุคสมัยนี้การเข้าถึงเพลงหรือช่องทางการรับฟังเพลงและธุรกิจการทำค่ายเพลงก็เปลี่ยนจากกลุ่มผู้ฟังที่ในอดีตเคยเป็นฝ่ายรับสื่อ เป็นผู้รับฟังเพียงอย่างเดียว กลายเป็นผู้ฟังที่สามารถสร้างสรรค์ต่อยอดผลงาน หรือแม้กระทั่งผลิตผลงานเพลงได้ด้วยตนเอง 

โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาค่ายเพลงเพียงช่องทางเดียวเหมือนในอดีต นับว่าเป็นความท้าทายของธุรกิจค่ายเพลงที่ดิจิทัลเป็นทั้งโอกาสในการขยายตัวและเป็นความท้าทายในการแข่งขันที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในคนในอุตสาหกรรมเท่านั้น 

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยมีนักศึกษาที่มี Lifestyle และความชื่นชอบในเสียงดนตรี ธุรกิจบันเทิง มีนักศึกษาศิลปินดารา อินฟลูเอนเซอร์ทั้งที่เป็นมืออาชีพและเป็นน้องใหม่ที่กำลังพัฒนาตนเองในสายงานนี้ จึงได้เห็นถึงโอกาสและแนวทางในการส่งเสริมคนรุ่นใหม่ที่มีความฝัน อยากทำงานในแวดวงดนตรี อุตสาหกรรมบันเทิง หรือการเป็น Content Creator โดยคิดว่าความร่วมมือกับบริษัทที่เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มวัยรุ่นอย่าง What The Duck จะทำให้นักศึกษาได้มีโอกาสในการได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชอบและได้ทำตามความฝันตั้งแต่ยังเรียนอยู่

ธุรกิจค่ายเพลงกำลังซบเซา

ทางด้านนายสามขวัญ ตันสมพงษ์ กรรมการผู้จัดการค่ายเพลง บริษัท What The Duck จำกัด กล่าวว่า ผมเริ่มต้นการทำค่ายเพลงมาเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นยุคของการเปลี่ยนผ่านวงการเพลง จากการฟังเพลงยุคเก่าแบบออฟไลน์ไปสู่ยุคดิจิทัล 

“ธุรกิจค่ายเพลงกำลังซบเซา แต่ผมเชื่อว่าการทำเพลงคืองานศิลปะ ไม่สามารถควบคุมอะไรต่าง ๆ ได้ทุกอย่าง มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าศิลปินคนนี้ คนนั้นจะโด่งดังหรือไม่ เพลงเพลงนี้จะได้รับความสำเร็จเป็นที่ชื่นชอบติดหูคนฟังหรือไม่ แต่ที่แน่ ๆ เราต้องทำเพลงด้วยความสุข เสียงเพลงต้องสร้างความสุขให้กับผู้ฟังและศิลปินต้องร้องเพลงด้วยความสุข พวกศิลปินของเราหลาย ๆ คน ก็ไม่ได้ดังตั้งแต่เพลงแรก”

อย่าง The Toys เขาทำเพลงมาหลายปี เขาต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เรามีหน้าที่เพียงสนับสนุนและให้ศิลปินได้เป็นตัวของตัวเอง มีอิสระในการทำงานของเขา เราอยากให้เขาได้แสดงความสามารถของเขาในแบบของเขา นี่คือการรับศิลปินของค่ายเพลงเรา 

ศิลปินนำหน้า ค่ายเพลงซัพพอร์ต

นายสามขวัญกล่าวต่อว่า ปัจจุบันการเข้าถึงการฟังเพลงก็เป็นแบบดิจิทัล มีช่องทางในการนำเสนอเพลงได้มากขึ้น เช่น Youtube เพราะฉะนั้น What The Duck จึงมีกระบวนการที่ให้ศิลปิน เป็นคนนำหน้า ส่วนเราจะเป็นคนที่คอยซัพพอร์ต ในความคิดของพวกเขา แต่เราก็จะมีการเอาองค์ความรู้บางอย่างที่เรามีมากกว่าเขา เช่น เรื่องของการตลาดการเข้าถึงแฟนเพลงให้มากขึ้นอะไรทำนองนี้ในการแนะนำเขา แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่ What The Duck ให้ความสำคัญก็คือ ความเป็นตัวเองของศิลปินซึ่งเราจะต้องเชื่อมั่นในตัวเขา