คลัง-EXIM BANK ผุดหลักสูตรปั้นเอสเอ็มอีส่งออก จัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำหนุน

ขุนคลังหนุน EXIM BANK ผุดหลักสูตรปั้นผู้ส่งออก ดันผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรุกตลาดต่างประเทศ สร้างมูลค่าเพิ่มภาคส่งออกไทย ขณะที่ EXIM BANK จัดแพ็กเกจสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 4.5% ต่อปีในปีแรก พร้อมแถมประกันการส่งออก ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธ.ค.นี้ 2565

วันที่ 5 ตุลาคม 2565 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวในพิธีเปิด “Top X Executive Program” หลักสูตรระยะสั้นสำหรับเจ้าของกิจการและผู้บริหารเพื่อการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อการส่งออก รุ่นที่ 1 ว่า ที่ผ่านมา ได้หารือกับสภาผู้ส่งออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสภาหอการค้าไทย ว่าจะทำอย่างไรให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น ขยายตัวได้ดีต่อเนื่องจากปี 2564 ซึ่งการส่งออกเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจไทย

“ปีนี้ ช่วง 8 เดือนแรก ตัวเลขสินค้าส่งออกในดอลลาร์เทอม โตประมาณ 11% แต่คาดการณ์ทั้งปี หลายฝ่ายทั้งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังก็คาดการณ์อยู่ราว ๆ 8% ซึ่งได้หารือกับสภาผู้ส่งออกไปว่าจะทำอย่างไรให้เร่งได้มากกว่านี้ พูดง่าย ๆคือ เร่งส่งออกให้โตได้มากกว่านี้” นายอาคมกล่าว

ดังนั้น เป้าการทำงานก็จะพยายามทำให้ส่งออกโตมากกว่า 8% ซึ่งตนพร้อมให้การช่วยเหลือทั้งที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังและการประสานกับกระทรวงอื่น ๆ

นายอาคมกล่าวว่า อีกเรื่องที่สำคัญ คือ การสนับสนุนให้นักลงทุนไทยออกไปลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้รายได้ประชาชาติ (GNP) ของไทยโตมากขึ้น ดังนั้นต้องเปิดตลาดส่งออกให้มากขึ้น โดยไทยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอยู่ราว 3 ล้านราย ในจำนวนนี้มีที่เป็นผู้ส่งออกอยู่ไม่ถึง 1% ถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ที่พัฒนาแล้ว

“เอสเอ็มอีมีการจ้างงาน 17 ล้านคน โดยเป็นการจ้างงานของภาคธุรกิจถึง 12 ล้านคน หรือประมาณ 70% ของการจ้างงานทั้งหมด ตรงนี้ผมคิดว่าสำคัญมาก จะทำอย่างไรให้เอสเอ็มอีของเราสามารถทะลุทะลวงออกไปต่างประเทศได้ จึงเป็นที่มาของการทำหลักสูตรขึ้นมา ซึ่งเป็นหลักสูตรที่มุ่งหวังการทำธุรกิจอย่างจริงจัง โดยมีเอ็กซิมแบงก์เป็นผู้สนับสนุน” นายอาคมกล่าว

รมว.คลังกล่าวด้วยว่า ช่วงนี้เป็นช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว โดยคาดหวังการขยายตัวของเศรษฐกิจปีนี้ที่ 3-3.5% ซึ่งทั้งหมดจะเกิดขึ้นได้ ก็อยู่ที่ภาคการส่งออกและภาคการลงทุนที่เป็นหน้าที่ของเอกชนในการขับเคลื่อนด้วย

“การส่งออกในช่วง 8 เดือนยังไปได้ดี ซึ่งในเรื่องปริมาณส่งออกก็ส่วนหนึ่ง แต่ส่วนที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถทำให้เราได้ประโยชน์” รมว.คลังกล่าว

ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบการส่งออกในระยะข้างหน้า มี 6 ปัจจัยด้วยกัน ได้แก่ “PESTEL” เริ่มตั้งแต่ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ การเมืองโลก, ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นจากโควิด, ปัจจัยด้านสังคมที่เข้าสู่สังคมสูงอายุ, ปัจจัยทางด้านเทคโนโลยี, ปัจจัยเรื่องสิ่งแวดล้อม และปัจจัยด้านกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ที่เป็นอุปสรรค

“ทั้งหมดนี้ ผมไม่อยากให้มองเป็นปัจจัยเสี่ยง ซึ่งหากเราเปลี่ยนจาก PESTEL เป็น PASTEL เป็นสีที่อ่อนโยน อ่อนหวาน สดใส โดยต้องก้าวให้ทันเทคโนโลยี, เรื่องกรีนอีโคโนมี, มองซัพพลายเชนดิสรัปชั่นเป็นโอกาส, รับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ, บริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน, การรับมือด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และสุขภาพ ที่จะเป็นโอกาสของเอสเอ็มอีในการขยายออกไปต่างประเทศได้” รมว.คลังกล่าว

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า ความร่วมมือของ EXIM BANK กับ 3 สภา ได้แก่ สภาหอฯ ส.อ.ท. สรท. และคณะวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ในครั้งนี้ เป็นก้าวแรกของการสานพลังระหว่าง EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังกับพันธมิตรภาคเอกชนที่สำคัญระดับประเทศและสถาบันการศึกษา เพื่อค้นหาผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมจะก้าวต่อไปเป็นนักรบเศรษฐกิจไทยในเวทีการค้าโลก เพื่อร่วมกันระดมสมอง แลกเปลี่ยนข้อมูลองค์ความรู้ใหม่ที่ทันโลกและปฏิบัติได้จริงในโลกธุรกิจยุค Next Normal

จากนั้นจะมีการพบปะพูดคุยและจับคู่ธุรกิจกับผู้ประกอบการในต่างประเทศ อาทิ ตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยมีความคุ้นเคยและเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง รวมทั้งมีนโยบายส่งเสริมการค้าเสรีและเศรษฐกิจ BCG เพื่อให้ผู้เข้าอบรมหลักสูตรได้เรียนรู้กลยุทธ์การปรับโมเดลธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทย

“EXIM BANK พร้อมสนับสนุนเครื่องมือทางการเงินอย่างครบวงจร ตั้งแต่เงินทุนหมุนเวียนไปจนถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ หลักสูตร TOP X Executive Program จึงถือเป็นปรากฏการณ์ของการรวมพลังเพื่อสร้างกองทัพนักรบเศรษฐกิจไทยที่พร้อมก้าวไปสู่โลกอนาคตอย่างมั่นใจ เพื่อฟันฝ่าความท้าทายและเข้าถึงโอกาสทองสำหรับผู้ที่ปรับตัวได้และแข็งแกร่งเพียงพอที่จะดำรงอยู่และสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้แก่องค์กรและประเทศชาติ”

สำหรับหลักสูตร Top X Executive Program รุ่นที่ 1 เป็นหลักสูตรระยะสั้นสำหรับเจ้าของกิจการและผู้บริหารเพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจตลอด Value Chain ของภาคการส่งออก ผ่านรูปแบบการอบรมแบบ On-site ร่วมกับ Business Trip ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้อบรมได้รับความรู้ที่ทันสมัยในการบริหารธุรกิจ มีแนวคิดและกลยุทธ์ในการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศอย่างครบวงจร มีความรู้เกี่ยวกับระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ได้รับประสบการณ์จากการศึกษาดูงานในประเทศและต่างประเทศ ขยายเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)

“EXIM BANK จะทำงานร่วมกับทีมประเทศไทยนำพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ตลาดโลกยุค Next Normal ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รุกตลาดใหม่ โดยเฉพาะ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่ง EXIM BANK มีสำนักงานผู้แทนใน CLMV พร้อมสนับสนุนการสร้างระบบนิเวศของการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ เชื่อมโยงการพัฒนาเศรษฐกิจกับสังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและพันธมิตร สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประชาคมโลกโดยรวม”

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจส่งออก ผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออก ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ทางบก ทางเรือ และทางอากาศที่เป็นสมาชิกสภาหอฯ ส.อ.ท. และ สรท. สามารถติดต่อขอรับบริการด้านสินเชื่อจาก EXIM BANK ได้ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษต่ำสุด 4.5% ต่อปี (ลดดอกเบี้ยจากปกติลง 0.5% ต่อปี) ในปีแรก ฟรี! ค่าธรรมเนียม Front-end Fee โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน แถม! กรมธรรม์ประกันการส่งออก EXIM for Small Biz (ฟรี! เบี้ยประกัน 3,000 บาท) อนุมัติสินเชื่อเร็วภายใน 7 วันทำการ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 ธันวาคม 2565