ธปท.เพิกถอนผู้ประกอบธุรกิจ 2 ราย หลังไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย-กฎเกณฑ์ที่กำหนด

ธปท.

ธปท.แจ้งการเพิกถอนการอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจ 2 รายคือ บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เพย์เพด จำกัด หลังพบการปฏิบัติเข้าข่ายไม่เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด

วันที่ 11 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเป็นผู้กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน ภายใต้การกำกับ ตามพระราชบัญญัติระบบการชำระเงิน พ.ศ. 2560 (พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน) ขอแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจ 2 รายคือ บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เพย์เพด จำกัด ด้วยปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้

1.บริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้หยุดให้บริการมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เนื่องจากศาลล้มละลายกลางมีคำพิพากษาให้ล้มละลาย ซึ่งกรณีนี้เข้าข่ายเป็นกรณีที่บริษัทหยุดประกอบธุรกิจ หรือไม่ดำเนินธุรกิจตามปกติเป็นระยะเวลาเกินกว่า 2 ปี ตามหลักเกณฑ์ที่ ธปท.ประกาศกำหนด

2.บริษัท เพย์เพด จำกัด ได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ให้ความร่วมมือ และร่วมกระทำการกับบุคคลอื่นในการกระทำความผิดอาญาฐานประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับโดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตาม พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน และศาลอาญาได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าบริษัท เพย์เพด จำกัด มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นการดำเนินงานที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน หรือฝ่าฝืนละเลยไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือระบบการชำระเงินโดยรวมของประเทศอย่างร้ายแรง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 31 และ มาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ระบบการชำระเงิน มีคำสั่งเพิกถอนการอนุญาตการประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับของบริษัท ทรี เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เพย์เพด จำกัด ตามลำดับ

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่ได้รับอนุญาต หรือได้รับการขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท.ได้จากศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน หมายเลขโทรศัพท์ 1213 หรือระบบการตรวจสอบข้อมูลใบอนุญาต หรือใบขึ้นทะเบียนให้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (BOT License Check) ตามช่องทาง https://app.bot.or.th/BotLicenseCheck

อนึ่ง ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงินภายใต้การกำกับ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหาก ธปท.ตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบธุรกิจรายใดมีการปฏิบัติเข้าข่ายไม่เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่ ธปท.กำหนด หรือมีพฤติการณ์ในลักษณะที่ไปเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการกระทำที่ผิดกฎหมาย ธปท. จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป