คอลัมน์ : Tech Times ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดอินเดียกลับมาอยู่ในความสนใจอีกครั้ง หลัง ทิม คุก เดินทางไปเปิดร้าน Apple Store แห่งแรกในอินเดีย พร้อมร่วมหารือกับนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรี ถึงโอกาสการลงทุนในอินเดีย
แอปเปิลนั้นเล็งตลาดอินเดียมานานแล้ว อย่างน้อยก็ตั้งแต่ตอนทิมพบกับโมดี ครั้งแรกในปี 2016
- ด่วน! โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม.เศรษฐา 1/1 รัฐมนตรีใหม่ 13 ตำแหน่ง
- ทูลเกล้า 11 รายชื่อคณะรัฐมนตรี เศรษฐา 1/1 ออก 4 เข้าใหม่ 6 ตำแหน่ง
- ล้งกระหน่ำทุบราคามังคุด จากโลละ 200 เหลือ 60 บาท
ผ่านไป 7 ปี บริษัทเพิ่งตัดสินใจเปิด Apple Store จำนวน 2 สาขาในอินเดีย หลังขายผ่านช่องทางออนไลน์และห้างค้าปลีกมาตลอด
แต่นักวิเคราะห์มองว่า ทริปล่าสุดของ ทิม คุก ส่งสัญญาณว่าแอปเปิลยังมีใจให้อินเดียไม่เสื่อมคลาย และยิ่งจะทวีให้ความสำคัญกับตลาดแห่งนี้มากขึ้น โดยมี 2 ปัจจัยหลักเป็นตัวขับเคลื่อน
หนึ่งคือ ตลาดสมาร์ทโฟนในอินเดียยังมีโอกาสเติบโตสูงโดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลาง
ปัจจุบันแอปเปิลมีส่วนแบ่งตลาดแค่ 5% ในตลาดอินเดีย แต่เมื่อชนชั้นกลางเริ่มมีกำลังซื้อสูงขึ้น โอกาสที่จะทำให้คนกลุ่มนี้เปลี่ยนใจมาใช้ไอโฟนก็สูงขึ้นเช่นกัน
ทิมเคยให้สัมภาษณ์ว่า แอปเปิลสามารถนำประสบการณ์การทำตลาดในจีนมาใช้กระตุ้นยอดขายในอินเดียได้
ปัญหาการเจาะตลาดอินเดียคือเรื่องของราคา
ลูกค้าส่วนมากเลือกใช้แอนดรอยด์เพราะราคาถูกกว่ามาก
ราคาสมาร์ทโฟนเฉลี่ยที่ชาวอินเดียใช้อยู่ตอนนี้ตกอยู่ที่เครื่องละ 224 เหรียญ ซึ่งถือว่าสูงกว่าปีที่แล้วถึง 18% แต่ก็ยังไม่พอซื้อไอโฟนรุ่นต่ำสุดที่ขายอยู่ที่ 429 เหรียญอยู่ดี
ดังนั้น แอปเปิลอาจลองใช้ระบบผ่อน หรือไม่ก็ให้เอาเครื่องเก่ามาเทรดเครื่องใหม่เพื่อลดช่องว่างด้านราคาระหว่างไอโฟนกับแอนดรอยด์
ส่วนปัจจัยที่ 2 ที่ทำให้อินเดียมีความสำคัญต่อแอปเปิลคือ ศักยภาพของอินเดียในการเป็นศูนย์กลางการผลิต
มีคนเปรียบเสน่ห์ของอินเดียวันนี้กับจีนเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ว่ามีความคล้ายคลึงกันมาก
15 ปีก่อนจีนใช้ขนาดของตลาด และความกระตือรือร้นของภาครัฐในการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เป็นตัวดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
วันนี้อินเดียก็ดูจะไม่ต่างกัน
อินเดียคือตลาดมือถือที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นรองแค่จีนเท่านั้น และรัฐบาลอินเดียก็พร้อมจะเจรจากับบิ๊กเทคอย่างแอปเปิล เพื่อกรุยทางสู่การเป็นฐานการผลิตขนาดใหญ่ในอนาคต อีกทั้ง UN ยังคาดว่าอินเดียจะขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีประชากรสูงสุดแซงหน้าจีนประมาณกลางปีนี้ ซึ่งก็น่าจะทำให้อินเดียดูมีเสน่ห์เย้ายวนใจขึ้นอีก
ตัวเลขรายได้ล่าสุดของแอปเปิลในอินเดียอยู่ที่ 6 พันล้านเหรียญ แต่หากสามารถดึงสาวกแอนดรอยด์ให้เปลี่ยนมาใช้ไอโฟนได้เรื่อย ๆ ก็ไม่แน่ว่าอินเดียอาจเจริญรอยตามจีน กลายเป็นตลาดที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้แอปเปิลในอนาคต (ยอดขายในจีน ฮ่องกง และไต้หวัน อยู่ที่ 7.4 หมื่นล้านเหรียญในปี 2022 หรือคิดเป็น 18% ของรายได้ทั้งหมด)
อินเดียยังสำคัญต่อแอปเปิลในเชิงยุทธศาสตร์ ในฐานะฐานการผลิตแห่งใหม่
ตอนนี้ไอโฟนเกือบทั้งหมดถูกประกอบในจีน แต่ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แอปเปิลได้รับผลกระทบทั้งจาก trade war ระหว่างจีน-อเมริกา และผลพวงของโควิดที่ทำให้ระบบซัพพลายเชนรวนไปหมด รวมไปถึงนโยบาย zero covid ของจีนที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำลังการผลิต
“อุปสรรค” ของจีนจึงอาจกลายเป็น “โอกาส” ของอินเดียในแง่นี้ โดยรัฐมนตรีพาณิชย์ของอินเดียเคยให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า แอปเปิลมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไอโฟนในอินเดียเป็น 25% ของจำนวนเครื่องทั้งหมด ในขณะที่พันธมิตรหลักของแอปเปิลอย่าง Foxconn ที่ทำหน้าที่ผลิตเครื่องในจีนก็มีแผนจะขยายการลงทุนมาที่อินเดีย โดยมีรายงานว่ากำลังจะสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 700 ล้านเหรียญในบังกาลอร์
รัฐบาลอินเดียเองก็ดูยินดีที่จะอ้าแขนต้อนรับบิ๊กเทคอย่างแอปเปิล เพราะหากได้แอปเปิลมาสักราย โอกาสจะดึงดูดบริษัทไฮเทคอื่น ๆ ให้ตามมาลงทุนก็เป็นไปได้สูง จึงนำมาสู่การประชุมระหว่างโมดีกับทิม คุก รอบล่าสุด
อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในอินเดียนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยังคงเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่แอปเปิลเจาะไม่ได้สักที แม้กระทั่งตอนที่บริษัทให้ซัพพลายเออร์ลองผลิตไอโฟนในอินเดียเมื่อสองปีก่อน ก็มีเรื่องวุ่นวายจากการประท้วงของคนงานที่โดนเบี้ยวค่าแรง
แต่เมื่อบวกลบคูณหารดูแล้ว แอปเปิลคงไม่ถอดใจง่าย ๆ เหมือนที่ ทิม คุก เคยให้สัมภาษณ์เมื่อ 7 ปีก่อน ว่าแอปเปิลไม่ได้มองอินเดียแบบฉาบฉวย แต่รักจริงหวังแต่ง อยากอยู่คู่กันยืนยาวเป็นพัน ๆ ปี เลยทีเดียว