อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ห่วงค่าไฟแพงฉุดเศรษฐกิจ

อัศวิน เตชะเจริญวิกุล
อัศวิน เตชะเจริญวิกุล

ช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 ที่ผ่านมา ธุรกิจในภาพรวมจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลายลง โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและบริการที่เกี่ยวเนื่อง แต่ดูเหมือนว่า การประกาศปรับขึ้นค่าเอฟทีของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่จะเริ่มมีผลตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป ผลจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูง อาจจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้การฟื้นตัวดังกล่าวมีความยากมากขึ้น

ล่าสุด “อัศวิน เตชะเจริญวิกุล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตขวดแก้ว-กระป๋อง ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ และเจ้าของธุรกิจค้าปลีก “บิ๊กซี” ที่มีสาขาทุกฟอร์แมตรวมกันมากกว่า 1,800 แห่งทั่วประเทศ สะท้อนถึงปัญหาของค่าไฟที่กระทบต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ

ค่าไฟแพงกระทบธุรกิจ

“อัศวิน” เริ่มต้นการสนทนาถึงภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจว่า ตอนนี้สาขาบิ๊กซี โดยเฉพาะในสาขาโซนเมืองท่องเที่ยว เริ่มกลับมาเติบโตแล้ว โดยเฉลี่ยประมาณ 25% ของยอดขายประจำสาขาที่มีนักท่องเที่ยว และคาดว่าปีหน้าจะเติบโตขึ้นมาอีก ซึ่งหวังว่าอัตราการเติบโตจากการท่องเที่ยวของประเทศไทยจะมีโอกาสที่สดใส แต่อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของปัจจัยในการผลิตหลาย ๆ อย่าง

โดยเฉพาะค่าไฟ ที่เป็นตัวหลัก และอยากให้รัฐบาลพิจารณาในเรื่องของค่าไฟ ตอนนี้อัตราการขึ้นของค่าไฟของภาคธุรกิจนั้นอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมาก แล้วต้นทุนทางธุรกิจที่ต้องใช้ไฟเยอะก็ต้องดูแลคน ก็ต้องแบกภาระตรงนี้ไว้ คือ จริง ๆ ไม่น่าขึ้นเยอะแบบนี้ ถ้านิ่งได้ก็ดี และต้องเรียนว่าปีนี้ก็ขึ้นมาเกือบ 20% แล้ว เพราะฉะนั้นก็ถือเป็นปัจจัยที่กระทบต่อธุรกิจ”

ซีอีโอบริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ยังระบุด้วยว่า ปีหน้าภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ ต้องกลับมา ซึ่งธุรกิจภาคบริการเองก็ต้องใช้ไฟเยอะ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแอร์ ไฟต่าง ๆ ถ้าหากว่าภาครัฐจะช่วยสนับสนุนด้วยการตรึงค่าไฟไม่ให้ขึ้นเร็ว ผู้ประกอบการก็จะได้ดีขึ้น

“จริง ๆ ไม่เคยเห็นค่าไฟสูงขนาดนี้มาก่อนเลย ตั้งแต่ผมอยู่นี่ 6 ปี ก็ไม่เคยเห็นค่าไฟสูงขนาดนี้ จะว่าไปแล้วธุรกิจทั่ว ๆ ไป ธุรกิจบริการที่ต้องใช้ไฟ สถานประกอบการ ร้านอาหาร โรงแรม ก็ต้องใช้ไฟ และเป็นปัจจัยที่แฝงอยู่ ถ้าภาครัฐได้ช่วยดำเนินการในเรื่องนี้ หรือชะลอไว้ก่อน และขอเป็นเสียงเล็ก ๆ เสียงหนึ่ง วิงวอนขอให้รัฐบาลได้ช่วยพิจารณาเรื่องของการปรับราคาค่าไฟขึ้น เพราะค่าไฟเป็นต้นทุนของการทำธุรกิจอย่างมาก”

ซีอีโอเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการภาคเอกชนต่างก็พยายามที่จะใช้พลังงานทดแทน โดยในส่วนบริษัทเอง ทั้งบีเจซีและบิ๊กซีก็มีการใช้พลังงานทดแทนเช่นกัน เช่น หลังคาที่ใช้โซลาร์รูฟท็อป หรือในส่วนอื่น ๆ ก็ใช้พลังงานทดแทน แต่มันก็ไม่สามารถแทนทั้งหมดได้ 100% ปีหนึ่ง ๆ บริษัทจ่ายค่าไฟหลายพันล้านบาท และปีหน้ายิ่งค่าไฟขึ้นอีกก็ยิ่งมีผลกระทบ

“เราไม่ได้ขอรัฐพึ่งให้ช่วยอย่างเดียว แต่เราก็ได้มีการใช้พลังงานทดแทน และมีนโยบายช่วยกันประหยัดในหลายรูปแบบ ทั้งในเรื่องการปิด-ปิดไฟตามสาขา ที่มีการปรับเปลี่ยนเวลา หรือในส่วนของการผลิตก็เช่นกัน แต่ว่าค่าไฟก็ขึ้นเร็วอยู่ดี”

นอกจากปัญหาค่าไฟแพงขึ้นแล้ว ก็ยังมีความไม่แน่นอนหลาย ๆ เรื่องที่เป็นปัจจัยลบต่อภาคธุรกิจ เช่น เรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) แต่ตอนนี้ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย หรืออัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นก็จะทำให้ต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น แต่อย่างน้อย ตอนนี้ค่าเงินบาทก็แข็งค่าขึ้น จริง ๆ ต้องบอกว่าประเทศไทยยังดีกว่าหลายประเทศในอาเซียน อย่างประเทศข้าง ๆ เวียดนาม ตอนนี้ก็มีปัญหาเรื่องความตึงตัวของสภาพคล่องการเงิน

แต่โดยส่วนตัวอยากให้มองไปที่ปีหน้า หลังมีนาคมไป ผมว่าภาคการท่องเที่ยว แล้วหลาย ๆ อุตสาหกรรมจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

เมื่อถามว่า จากสถานการณ์ค่าไฟที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น และจะเป็นต้นทุนสำหรับผู้ประกอบการ ปีหน้าสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) จะต้องมีการปรับขึ้นราคาหรือไม่

คีย์แมนเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ย้ำว่า “เราพยายามจะไม่ขึ้น เพราะว่าเป็นภาระให้กับผู้บริโภค ปีนี้มีการปรับตัวบ้างเป็นไปตามกระแส เป็นไปตามเพื่อน ๆ ผมว่าหลัง มี.ค.น่าจะสดใสขึ้น”

“เอเปค” โอกาสปลุกลงทุน

“อัศวิน” ขยายความต่อว่า นอกจากการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยบวกต่อภาพรวมของเศรษฐกิจประเทศแล้ว โดยส่วนตัวมองว่า การเพิ่มฐานการผลิตในอาเซียนเป็นเรื่องที่สำคัญ ยกตัวอย่าง รถไฟฟ้า ที่ตลาดมีความต้องการ ซึ่งที่ผ่านมาหลายบริษัทมีแผนจะเข้ามาตั้งฐานการผลิตในนิคมอุตสาหกรรมที่ชลบุรี หรือระยอง หรือบางรายอาจจะย้ายจากจีนเข้ามาลงทุนในบ้านเราหรืออาเซียน ทุกคนก็จะได้ประโยชน์ สำหรับประเทศไทยเองก็ต้องรีบแต่งตัวต้อนรับการลงทุนอันนี้ และจะเป็นปัจจัยบวกที่จะทำให้ประเทศมีความคึกคักกันมากขึ้น

สิ่งที่ผมมองก็คือ เรื่องศักยภาพของประเทศ ซึ่งช่วงการประชุมเอเปค 2022 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพเมื่อช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องที่ดี และช่วยทำให้ต่างประเทศได้รับรู้และเห็นถึงความพร้อมของประเทศ ทั้งในเรื่องของสาธารณูปโภคพื้นฐาน การผลิต อุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ ที่พร้อมจะรองรับการลงทุนจากต่างประเทศ และเราน่าจะใช้ตรงนี้ทำให้เขานึกถึงประเทศไทยในการใช้เป็นฐานผลิตมากขึ้น

สำหรับบริษัทเองในแง่ของการลงทุน ปีหน้าก็จะมีอย่างต่อเนื่อง เช่นในส่วนของบิ๊กซีก็จะมีการปรับสาขา การลงทุนสาขาเล็กให้เพิ่มขึ้นเป็นเบอร์ 2 ให้ได้ ก็ต้องขยายให้ได้เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนในอาเซียน ทั้งกัมพูชา ลาว ที่ปีหน้าจะมีสาขาใหญ่ขึ้น รวมถึงในเวียดนามก็จะมีการลงทุนเพิ่ม

“การลงทุนในประเทศก็เต็มที่อยู่แล้ว ไม่มีแตะเบรก เพราะว่าเรายิ่งลงทุน ประเทศก็จะยิ่งคึกคัก พนักงานเราก็คึกคัก อย่างปีนี้ เดี๋ยวรอประกาศให้พนักงานชื่นใจหน่อย” แม่ทัพใหญ่เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ย้ำในตอนท้าย