ห้างเด้งรับ ศบค.คลายล็อก โหม 300 อีเวนต์ปลุกจับจ่าย

ห้างสรรพสินค้า

ศูนย์การค้าพร้อมลุย กระหน่ำกิจกรรม-โปรโมชั่น ปลุกจับจ่าย หลัง ศบค.ส่งสัญญาณโควิดอ่อนแรง ไฟเขียวไม่ต้องใส่หน้ากาก ใช้ชีวิตปกติ เดอะมอลล์กระหน่ำ 300 อีเวนต์ วอนรัฐงัดมาตรการช้อปดีมีคืน ร้านอาหาร “เซ็น-ซีอาร์จี” เด้งรับ มั่นใจบรรยากาศคึกคัก-โอกาสสร้างยอดขายสดใส

จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตใกล้เคียงกับปกติมากขึ้น ที่ผ่านมาศูนย์การค้า-ห้างสรรพสินค้า หลาย ๆ แห่งได้เริ่มปรับเวลาการให้บริการ ด้วยการขยายเวลาปิดจาก 21.00 น. เป็น 22.00 น. ล่าสุด (17 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้อนุญาตให้ถอดหน้ากากอนามัย (เฉพาะในที่ไม่แออัด-สถานที่เปิด)

รวมทั้งมีการยกเลิกไทยแลนด์พาส เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป เป็นสัญญาบวกที่สร้างความตื่นตัวให้กับธุรกิจในแง่ของการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับบรรยากาศการจับจ่ายที่จะมีความคึกคักมากขึ้น

เดอะมอลล์อัด 300 อีเวนต์

นางสาววรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากนี้ธุรกิจค้าปลีกจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น หลังจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูนย์การค้า หรือทราฟฟิก เทียบเท่าก่อนช่วงโควิดแล้ว

ยกเว้นสาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวและมีกลุ่มเป้าหมายเป็นนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งทราฟฟิกอาจจะยังไม่มากนัก ที่ผ่านมาศูนย์การค้าในย่าน CBD เช่น สุขุมวิท ก็ได้กลับมาขยายเวลาการให้บริการตามปกติสักระยะหนึ่งแล้ว ส่วนสาขาอยู่ชานเมือง ก็ปรับเวลาให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลาย

ปัจจุบันลูกค้าชาวต่างชาติ โดยเฉพาะเอเชีย กลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ยกเว้นจีน ที่เริ่มกลับเข้ามา ขณะที่ลูกค้ายุโรปก็เริ่มกลับมามากขึ้น และคาดว่าการผ่อนปรนมาตรการของ ศบค. จะทำให้มีนักท่องเที่ยวและชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศมากขึ้น

สำหรับเดอะมอลล์เองเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมปลุกกำลังซื้อในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงการเปิดประเทศที่จะมีมากขึ้น ได้เตรียมอีเวนต์-โปรโมชั่นราว 200-300 ครั้ง เพื่อปลุกมู้ด พร้อมทั้งกระตุ้นการจับจ่ายให้กลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการเตรียมจัดแคมเปญใหญ่ในช่วงปลายปีไว้ด้วย

“ตอนนี้บริษัทใช้นโยบายในการเชิญชวนคู่ค้า พาร์ตเนอร์ เข้าจัดโปรโมชั่นร่วมกัน และพยายามตรึงราคาไว้ก่อนในสถานการณ์ที่กำลังซื้อชะลอตัว เพื่อเมนเทนวอลุ่มการขาย ซึ่งบริษัทก็มีการจัดกิจกรรม จัดอีเวนต์มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับพอสมควร แต่ยังเป็นลักษณะที่ค่อยเป็นค่อยไป จึงอยากเสนอให้รัฐบาลช่วยสนับสนุน ด้วยการมีมาตรการช่วยเหลือ ทั้งลดหย่อนภาษี ช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นเหมือนที่ผ่านมา”

ดึงแม็กเนตใหม่

แหล่งข่าวระดับสูงจากวงการค้าปลีกรายใหญ่ กล่าวในเรื่องนี้ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่คลี่คลาย และใกล้จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะนี้ผู้ประกอบการค้าปลีกได้เริ่มทยอยรีโนเวตศูนย์การค้า และดึงแม็กเนตใหม่ ๆ ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร แฟชั่น ฯลฯ เพื่อเข้ามาเปิดในศูนย์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นภาพเปิดตัวแม็กเนตใหม่ของศูนย์ต่าง ๆ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ค่ายต่าง ๆ ก็ได้มีการเตรียมจัดกิจกรรม โปรโมชั่น ในจำนวนที่มากขึ้น

“จากนี้ไปคาดว่าสถานการณ์ของศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า จะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นและเติบโตมากขึ้น โดยธุรกิจที่จะฟื้นตัวได้ดี หลัก ๆ จะเป็นร้านอาหาร แฟชั่นความงาม ไลฟ์สไตล์ จากนี้ไปหากการเปิดประเทศเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีการระบาดของโควิดเข้ามากระทบ

เชื่อว่าบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยจะกลับมาคึกคัก แม้อาจจะไม่เท่ากับสถานการณ์ปกติ ก่อนที่จะเกิดโควิดเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถทรงตัวได้และเริ่มเห็นการเติบโตในปี 2566”

ร้านอาหาร-ฟิตเนส เด้งรับ

นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ อาทิ ร้านอาหารญี่ปุ่น เซ็น อากะ ร้านอาหารญี่ปุ่น ปิ้งย่าง, มูฉะข้าวหน้าล้น, ออน เดอะ เทเบิล อาหารสไตล์ฟิวชั่น, อาหารตามสั่ง เขียง ฯลฯ แสดงความเห็นว่า มาตรการที่ผ่อนปรนมากขึ้น และการขยายเวลาให้บริการของห้างสรรพสินค้าจะช่วยทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้น ผู้คนมีเวลากลับมาสังสรรค์และเลือกกลับมารับประทานอาหารมือเย็นในห้าง สร้างโอกาสในการขายอาหารมื้อเย็นเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะร้านอาหารประเภทบุฟเฟต์จะได้อานิสงส์ค่อนข้างมาก ปกติแล้วมื้อเย็นทำรายได้มากกว่าอาหารกลางวันประมาณ 60% โดยขณะนี้ได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งในแง่ของกิจกรรมทางการตลาด และการจัดสรรเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับแต่ละสาขา ตลอดจนการลอนช์เมนูและโปรโมชั่นใหม่ ๆ เข้ามาช่วยส่งเสริมการขายอยู่เป็นระยะ ๆ

เช่นเดียวกับ นายณัฐ วงศ์พานิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัล เรสตอรองส์ กรุ๊ป จำกัด หรือซีอาร์จี ผู้ดำเนินธุรกิจร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล อาทิ มิสเตอร์ โดนัท, อานตี้ แอนส์, เปปเปอร์ ลันช์ ฯลฯ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า

หลังจากศูนย์การค้าขยายเวลาเปิดบริการถึง 22.00 น. ร้านอาหารในเครือซีอาร์จี ได้จัดตารางการทำงานของพนักงานให้สอดคล้องกับการขยายเวลาเปิดให้บริการของศูนย์การค้า พร้อมทั้งพิจารณาการจ้างพนักงานเพิ่ม เพื่อใช้ในสาขาที่ลูกค้าเข้าใช้บริการมาก

การขยายเวลาให้บริการถือเป็นโอกาสที่จะสามารถทำให้ยอดขายกลับมาเติบโตได้ ทั้งในส่วนบริการหน้าร้านและในช่องทางดีลิเวอรี่ โดยได้วางกลยุทธ์การทำตลาด ทั้งการออกเมนูที่หลากหลาย โดยแต่ละแบรนด์จะนำเสนอเมนูใหม่ในทุก 2-3 เดือน ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง ๆ

เช่น เมนูพิเศษราคาพิเศษ เมนูเซตราคาประหยัด เป็นต้น เพื่อกระตุ้นการจับจ่าย เพิ่มยอดขาย รวมทั้งการปรับแผนการลงสื่อโฆษณา และการยิงโฆษณาเพิ่มเติมในช่วงเวลาที่ขยายการเปิดบริการ เพื่อสร้างโอกาสในการขายมากขึ้น

เช่นเดียวกับนายเดน แคนท์เวล กรรมการผู้จัดการ เจ็ทส์ ฟิตเนส ประเทศไทย กล่าวในเรื่องนี้ว่า ช่วงไตรมาส 2 นี้ สมาชิกเริ่มกลับมาใช้บริการคึกคักมากกว่าไตรมาสแรกอย่างชัดเจน ทั้งสาขาในและนอกศูนย์การค้า และเชื่อว่าการที่ศูนย์การค้ามีการขยายเวลาการเปิดให้บริการมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นให้สมาชิกเข้ามาใช้บริการมากขึ้น

เนื่องจากมีหลายรายที่ต้องการออกกำลังกายช่วงค่ำก่อนไปช็อปหรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ในศูนย์การค้าหรือห้างต่อ ขณะเดียวกันเจ้าของพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด อาทิ วัน นิมมาน ในเชียงใหม่ และโรบินสันบางสาขา ยังเสนอพื้นที่เพื่อให้จัดกิจกรรมมากและถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นลานโปรโมชั่นในห้าง ลานจอดรถกลางแจ้ง ฯลฯ ซึ่งบริษัทอาศัยกระแสนี้เดินหน้าจัดเพื่อกระตุ้นและสร้างบรรยากาศให้กลับมาคึกคักมากขึ้น