อัยการธนกฤต เปิดขั้นตอนข้อกฎหมาย ทำคำวินิจฉัยศาล รธน. ปมวาระนายกฯ 8 ปี

ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล
ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล : ภาพมติชน

อัยการจังหวัดประจำ อส. เผยข้อกฎหมายน่าสนใจเกี่ยวกับการทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญประเด็นวาระ 8 ปีของนายกฯ

วันที่ 27 กันยายน 2565 ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักงานประสานงานกระบวนการยุติธรรม สถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุดได้ให้ความเห็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณีวาระดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกรัฐมนตรีผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ความว่า

ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคำร้องของ ส.ส. พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 30 กันยายน 2565 นี้นั้น มีข้อกฎหมายที่น่าสนใจเกี่ยวกับการทำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าว

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ได้แก่ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 ข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 และระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการบริหารจัดการคดี พ.ศ. 2563 โดยมีสาระสำคัญที่น่าสนใจโดยสังเขปดังนี้

1.ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนต้องร่วมพิจารณาคดีและร่วมทําคําวินิจฉัย เว้นแต่มีเหตุถูกคัดค้านหรือมีเหตุจำเป็นอื่นอันไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หรือหากตุลาการคนใดไม่ได้ร่วมในการพิจารณาประเด็นสำคัญแห่งคดีย่อมไม่มีอำนาจทำคำวินิจฉัยคดีนั้น

2.องค์คณะของศาลรัฐธรรมนูญในการพิจารณาคดีและในการทําคําวินิจฉัย ต้องประกอบด้วยตุลาการไม่น้อยกว่า 7 คน

3.การทำคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้ถือเสียงข้างมาก ในกรณีที่คะแนนเสียงเท่ากัน ให้ศาลปรึกษาหารือกันจนกว่าจะได้ข้อยุติ

4.ตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนจะงดออกเสียงในประเด็นใดประเด็นหนึ่งตามที่ศาลกําหนดไว้ไม่ได้ เว้นแต่ตุลาการผู้นั้นจะไม่ได้ร่วมในการพิจารณาประเด็นสำคัญแห่งคดี

5.คําวินิจฉัยของศาลอย่างน้อยต้องประกอบด้วยข้ออ้างและคําขอตามที่ปรากฏในคําร้องขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัย ข้อโต้แย้งในคําชี้แจงข้อกล่าวหา ประเด็นแห่งคดี สรุปข้อเท็จจริงที่ได้จากการพิจารณา เหตุผลในการวินิจฉัยในแต่ละประเด็น และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ยกขึ้นอ้างอิง รวมทั้งผลแห่งคําวินิจฉัย

6.ในการวินิจฉัยคดี จะเริ่มต้นจากการที่ตุลาการซึ่งเป็นองค์คณะทุกคนทําความเห็นส่วนตนเป็นหนังสือ พร้อมทั้งแถลงด้วยวาจาต่อที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต่อจากนั้นที่ประชุมจะปรึกษาหารือร่วมกัน แล้วจึงมีการลงมติในการวินิจฉัยคดี และอ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง

7.คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้มีผลในวันที่อ่าน

8.ความเห็นส่วนตนของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ให้ทำโดยสังเขปและต้องเผยแพร่ต่อสาธารณะ โดยเผยแพร่ผ่านทางระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการศาลรัฐธรรมนูญภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย

9.สำหรับคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีคําวินิจฉัย