
เศรษฐา กลับถึงไทยโดยสวัสดิภาพ หลังกรำงานบนเวทียูเอ็น 4 วันเต็ม เผย 7 บริษัทชั้นนำสหรัฐฯ ตอบรับการลงทุนในไทย อย่างน้อยรายละ 5 พันล้านเหรียญฯ แง้มภายในปีนี้มีอย่างบริษัทไทยอย่างน้อย 1 บริษัทไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
วันที่ 24 กันยายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางถึงประเทศไทย หลังจากเข้าร่วมการประชุม UNGA78 นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่าเป็นการเดินทาง 4 วันที่มีภารกิจมาก ขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศ และเลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการลงทุน (BOI) และเจ้าหน้าที่ที่ช่วยทำให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง
- MOTOR EXPO 2023 ยอดขายรถ 4 วันแรกทะลุ 8,300 คัน
- สพฐ.ประกาศหยุดเรียน 4-8 ธ.ค.ให้นักเรียน ม.ปลายเตรียมสอบ TGAT/TPAT
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
นายเศรษฐากล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้พบปะกับผู้นำต่างประเทศหลายประเทศ เข้าร่วมการประชุมและได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมทั้งสิ้น 5 ครั้ง พบผู้นำองค์กรระหว่างประเทศสำคัญ 2 องค์กร และได้พบผู้บริหาร บริษัทยักษ์ใหญ่ระหว่างประเทศหลายบริษัท อาทิ Tesla โรงงานผลิตรถยนต์อีวี Google และ Microsoft ลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่ง 3 บริษัทข้างต้นจะลงทุนเบื้องต้นอย่างน้อย 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อราย
Goldman Sachs และ Blackrock สนใจตั้งสำนักงานในไทย Citibank, JP Morgan และ Estee lauder โดยบริษัทเหล่านี้สนใจการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีพร้อมให้การสนับสนุนการลงทุนในไทยมากขึ้น โดยหลัก ๆ แบ่งเป็นสองภาคส่วนคือบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทการเงิน และได้หารือกับผู้นำตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กที่มีศักยภาพมากและพยายามจะผลักดันให้ภายในปีนี้มีอย่างน้อยหนึ่งบริษัทของไทยที่ไปจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
นายเศรษฐากล่าวว่า ในการหารือกับผู้บริหาร FIFA และพูดคุยถึงการจะให้ไทย เป็นเจ้าภาพในการจัดฟุตบอลโลกภายในปี 2032 หรือในอีก 9 ปีข้างหน้า และขอให้สนับสนุน ฟุตบอลรากหญ้าของไทยโดยจากเดิมที่สนับสนุนปีละ 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งค่อนข้างเป็นเงินจำนวนที่เยอะพอสมควร
นายเศรษฐากล่าวต่อว่า ในปีนี้สหประชาชาติมีหัวข้อหลักที่จะให้ทุกประเทศร่วมกันแก้ปัญหาความแตกแยกช่วยกันผลักดันตัวชี้วัด SDG 17 ข้อ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไขปัญหาด้วยประเทศเดียวทั่วทั้งโลกต้องให้ความร่วมมือสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ในส่วนของภาวะโลกร้อนซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ระบุไปแล้วว่าไม่ใช่เพียงแค่โลกร้อนแต่เป็นโลกเดือด ปัญหาสิทธิมนุษยชนรวมถึงได้ร่วมประกาศจุดยืนของประเทศไทย ในฐานะประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข รวมถึงส่งเสริมการเกษตรพอเพียงผ่านอารยะเกษตร การให้ประชาชนรับบริการสาธารณสุขที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในการเดินทางครั้งต่อไปของนายกรัฐมนตรีจะเป็นการเข้าร่วมการประชุมเอเปก ซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ ซึ่งจะมีหลายบริษัทที่เข้าร่วมด้วย โดยจะจัดเป็นเวทีร่วมกันเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงยังมีการประชุมของรองนายกรัฐมนตรีและมีคณะเล็กที่ได้ร่วมการประชุมด้วย
โอกาสเดียวกัน นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับ Mr. Jamie Dimon CEO ของบริษัท JPMorgan chase โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและการสนับสนุนการทำธุรกิจ และโอกาสในการทำธุรกิจในประเทศไทย

ในส่วนของ JPMorgan ซึ่งมีสาขาและทำธุรกิจในประเทศไทยเกือบ 60 ปี เป็นธนาคารที่มีความเชี่ยวชาญด้านการควบรวมธุรกิจ ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหนึ่งในไม่กี่ธนาคาร ที่ได้รับอนุญาตประกอบกิจการ (license) ในการดำเนินการอย่างครบถ้วนในประเทศไทย แต่ยังอาจใช้ประโยชน์อย่างไม่ครอบคลุม นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ขยายการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้เกิดการต่อยอดการดำเนินธุรกิจอื่น ๆในประเทศไทยเพิ่มขึ้น