เอเวอร์แกรนด์ หุ้นร่วงหนักสุดใน 11 ปี หลังยอมรับไม่มีเงินชำระหนี้

เอเวอร์แกรนด์หุ้นร่วง ยอมรับไม่มีเงินชำระหนี้
REUTERS/Aly Song/File Photo/File Photo

หลังเอเวอร์แกรนด์ออกมายอมรับว่า ไม่มีเงินทุนเพียงพอที่จะชำระหนี้ซึ่งครบกำหนดผ่อนผันในวันนี้ ปรากฏว่าราคาหุ้นของบริษัทร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี 

วันที่ 6 ธันวาคม 2564 แชนแนลนิวส์เอเชียรายงานว่า หุ้นของ “ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป” ร่วงลง 12% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี หลังจากบริษัทยอมรับว่าไม่มีเงินทุนเพียงพอชำระหนี้ ทำให้ทางการจีนต้องเรียกพบประธานบริษัททันที

หุ้นของยักษ์อสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ร่วงหนัก หลังจากระยะเวลาผ่อนผัน 30 วันเพื่อชำระหนี้หุ้นกู้มูลค่า 82.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,800 ล้านบาท) ครบกำหนดในวันนี้ (6 ธ.ค.)

เอเวอร์แกรนด์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯที่มียอดขายสูงสุดในจีน กำลังต่อสู้กับหนี้จำนวนมหาศาลกว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 100 ล้านล้านบาท) และหากบริษัทแห่งนี้ล้มละลายจะส่งผลต่อภาคอสังหาฯ และภาคธุรกิจอื่น ๆ ของจีน

ในการยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อวันศุกร์ เอเวอร์แกรนด์ ผู้พัฒนาอสังหาฯที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก ยังเผยด้วยว่า บริษัทได้รับการร้องขอจากเจ้าหนี้ให้จ่ายเงินประมาณ 260 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 8,800 ล้านบาท)

รัฐบาลท้องถิ่นของมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ได้เรียกตัว “ฮุย คา ยัน” หรือ “สวี่ เจียยิ่น“ ประธานบริษัท เข้าพบ และต่อมารัฐบาลมณฑลกวางตุ้งเผยในแถลงการณ์ว่า จะส่งคณะทำงานไปยังเอเวอร์แกรนด์เพื่อดูแลการจัดการความเสี่ยง เสริมสร้างการควบคุมภายใน และประคับประคองให้การดำเนินงานเป็นไปตามปกติ ตามคำร้องขอของเอเวอร์แกรนด์

ธนาคารกลางจีนยังได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารและประกันภัย รวมถึงคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์จีน พยายามสร้างความมั่นใจให้กับตลาดหุ้นว่า ทุกความเสี่ยงที่มีต่อภาคอสังหาฯในวงกว้าง ได้ถูกควบคุมแล้ว

“ความเสี่ยงระยะสั้นที่เกิดจากบริษัทอสังหาฯเพียงแห่งเดียว จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับการระดมทุนของตลาด ทั้งในระยะกลางและระยะยาว” ธนาคารประชาชนจีนระบุ พร้อมเสริมว่า การขายบ้าน การซื้อที่ดิน และการจัดหาเงินทุน ได้กลับสู่ภาวะปกติแล้วในจีน”

หุ้นของเอเวอร์แกรนด์ร่วงลงมากกว่า 12% มาอยู่ที่ 1.98 เหรียญฮ่องกง ซึ่งนับว่าเป็นราคาต่ำสุด ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2553