ชัชชาติ ติดกับดักสภา กทม. รถไฟฟ้าสายสีเขียวสะดุด

สายสีเขียว

19 ตุลาคม 2565 แมตช์การประชุมสภากรุงเทพมหานคร รอยร้าวเริ่มปริ

หลังจากมีช่วงรักใคร่หวานชื่นระหว่าง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) คนที่ 17 กับนักการเมืองท้องถิ่น “ส.ก.-สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร” 50 เขต จำนวน 50 คน

เวลาผ่านมา 4 เดือนเศษ แต่ทว่า การประชุมสภา กทม.ก็ยังไม่สามารถบรรจุวาระร้อน “รถไฟฟ้าสายสีเขียว” ได้สักที

จุดโฟกัสอยู่ที่การประชุมสภา กทม.สมัยที่ 4 มีกำหนดเดดไลน์วันสุดท้าย 26 ตุลาคม 2565 ถัดจากนี้ก็ต้องรอประชุมสภา กทม.ในเดือนมกราคม 2566 โน่นเลย

ลุ้นบรรจุวาระ 26 ต.ค.

เรื่องนี้ “ผู้ว่าฯชัชชาติ” ออกอาการไม่ให้สัมภาษณ์สื่อในวันที่ 19 แต่วันรุ่งขึ้น 20 ตุลาคมที่ผ่านมา พูดสั้น ๆ เพียงว่า ขณะนี้ทางวิปของฝ่ายบริหารและสภา กทม. กำลังพูดคุยกันอยู่เพื่อหาแนวทางร่วมกัน อาจจะต้องขยายเวลาการประชุมหรืออื่น ๆ

พร้อมย้ำว่าปมรถไฟฟ้าสายสีเขียว “เป็นเรื่องจำเป็น” ต้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะมีขั้นตอนรอดำเนินการอีกมากหลังจากนี้

คาดว่าวิปฝ่ายผู้บริหารกรุงเทพมหานครจะรีบเสนอในที่ประชุมวิป เพื่อเสนอบรรจุวาระเกี่ยวกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้าที่ประชุมสภา กทม.อีกครั้ง วันที่ 26 ตุลาคม 2565 นี้

ประชุมวิป (VIP) ก็ป่วน

จับอาการน้ำผึ้งขมล่าสุด แหล่งข่าวจากกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า วันจันทร์ 17 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา มีนัดประชุมวิประหว่างสภา กทม.กับทีมชัชชาติ แต่เกิดเหตุติดขัดประการใดไม่ทราบได้ ทำให้แม้แต่การประชุมวิปก็ไม่เกิดขึ้น

“เนื่องจากสภา กทม.ส่วนหนึ่ง และผู้บริหาร กทม.ถือว่ายังใหม่อยู่มากสำหรับงานบริหารราชการแผ่นดิน จึงควรมีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน ที่สำคัญ ผู้บริหาร กทม.ชุดนี้ไม่มีสมาชิกสภา กทม.เป็นของตนเอง เพราะผู้ว่าฯชัชชาติเป็นผู้สมัครอิสระ ยิ่งต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องเร่งบรรจุวาระสภา กทม.เพราะรถไฟฟ้าสายสีเขียวมีประเด็นร้อนเรื่องอัตราค่าโดยสาร เพราะการเดินรถ 3 ช่วง (หมอชิต-อ่อนนุช กับต่อขยายอีก 2 ช่วง) ยังมีความเห็นและความเข้าใจไม่ตรงกันอยู่หลายเรื่อง ต้องมีการพูดคุยอย่างเร็วที่สุด เพื่อหาข้อยุติเพื่อเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในบางช่วงที่เปิดให้ขึ้นรถฟรี ทำให้รายรับ กทม.เป็น 0 บาท

เห็นต่างปมเก็บค่าโดยสาร

ประเมินท่าทีและการส่งสัญญาณจาก “วิรัตน์ มีนชัยนันท์” ประธานสภา กทม. กล่าวว่า กรณีการพิจารณาอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น สภา กทม. (ชุดปัจจุบัน) มีความเห็นว่าให้ยึดตามมติของสภา กทม.ชุดที่ผ่านมา ซึ่งระบุให้ฝ่ายบริหาร กทม.มีอำนาจในการพิจารณากำหนดอัตราค่าโดยสารได้

ซึ่งเป็นมุมมองแบบเห็นต่างจาก “วิศณุ ทรัพย์สมพล” รองผู้ว่าราชการ กทม. ความสำคัญต้องเสนอบรรจุวาระประชุมสภา กทม.มี 2 เรื่องหลักคือ 1.การตอบกลับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทย 2.การหารือสภา กทม.เรื่องการเก็บค่าโดยสาร

ประเด็นการตอบกลับมหาดไทยนั้น ทางสภา กทม.เพิ่งส่งหนังสือ “ขอเอกสารเพิ่มเติม” ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2565 มายังสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ซึ่งกระชั้นชิดเดดไลน์ประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 26 ตุลาคม

ประเด็นการจัดเก็บค่าโดยสารสายสีเขียว ถึงแม้ทางสภา กทม.มีความเห็นว่าเป็นอำนาจของฝ่ายบริหารโดยแท้ จึงไม่ต้องนำเข้าสภา กทม.เพื่อทราบหรือเพื่อพิจารณาอีก

แต่ฝ่ายบริหาร กทม. “เห็นต่าง” ว่า แม้จะมีการจัดเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวแล้วก็ตาม แต่ยังมีส่วนต่างระหว่างรายได้ค่าโดยสารกับค่าจ้างเดินรถ ซึ่งจะต้องบรรจุในงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อให้สภา กทม.พิจารณา

ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ฝ่ายบริหาร กทม.จึงเห็นว่า สภา กทม.สมควรรับทราบเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าโดยสาร ในเรื่องอัตราค่าโดยสารและประมาณการรายได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการนำงบประมาณรายจ่ายประจำปีเข้าสู่สภา กทม.ในภายหลัง

เปิด 4 มุ้งพรรคการเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ ส.ก. 50 คนจาก 50 เขตนั้น สามารถจำแนก “มุ้ง” ตามกลุ่มการเมืองได้ดังนี้ พรรคเพื่อไทย 20 คน, พรรคก้าวไกล 13 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 9 คน, กลุ่มรักษ์กรุงเทพฯ (สนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน) 3 คน, พรรคพลังประชารัฐ 2 คน, พรรคไทยสร้างไทย 2 คน และ ส.ก.อิสระ 1 คน

จะเห็นว่า ในอดีตเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว มีอย่างน้อย 2 พรรคการเมืองดังทำพิธี “มอบตัว” ส.ก.ให้กับทีมชัชชาติ

คำว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ปฏิบัติการมอบตัวมองผ่านอดีตคือ presentation อยู่กับปัจจุบันคือ action

แหล่งข่าวจากสภา กทม.ยืนยันว่า วิปสภา กทม.ที่ได้พูดคุยกับวิปทีมชัชชาติ เป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย+ก้าวไกล

หากไม่สามารถลุ้นวาระประชุมสายสีเขียวในวันที่ 26 ตุลาคม 2565 เท่ากับเสียเวลาอีก 2 เดือนเพื่อรอเข้าที่ประชุมมกราคม 2566 จะมีผลกระทบ 2 ประเด็นหลัก
1.ค่าโดยสารส่วนต่อขยายที่ 2 (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) กับ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) ไม่สามารถเก็บได้อีก 2 เดือนจนกว่าจะเข้าสภา กทม. ผู้รับภาระคือภาษีของชาว กทม. ที่ต้องไปอุดหนุนค่าจ้างเดินรถ

2.ผลทางตรงคือ ยังไม่สามารถตอบกลับหนังสือกระทรวงมหาดไทย ซึ่งสอบถามมายังผู้บริหารและสภา กทม.ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เรื่องการรับโอนภาระค่าก่อสร้างช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต


มอตโต้ “ทำงาน ทำงาน ทำงาน” เพื่อแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว กำลังถูก “ดึงเกม ดึงเกม ดึงเกม” โดยสภา กทม.ด้วยประการฉะนี้