
นักศึกษาจีน 3 ล้านคน แห่เรียนมหาวิทยาลัยไทย เรียนที่ไหนกันบ้าง งานวิจัยค้นพบ ม.เชียงใหม่ ได้รับความนิยมสูงสุด ไม่แพ้มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่เป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ที่เป็นเจ้าตลาดนักศึกษาจีนมาหลายปีแล้ว
วันที่ 10 มีนาคม 2566 ปรากฏการณ์กลุ่ม “ทุนจีน” และนักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนผิดกฏหมายในไทย กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สังคมกำลังให้ความสนใจ บวกกับการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน หลังซมพิษโควิด-19 หนักหน่วงมากว่า 3 ปี เมื่อรัฐบาลจีนประกาศผ่อนคลายกฎระบียบการกักตัวสำหรับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศและเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 และประเทศไทยกลายเป็นหมุดหมายอันดับต้น ๆ ที่ชาวจีนเดินทางเข้ามามากที่สุดทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว การลงทุนธุรกิจ และการค้าปลีกหลายรูปแบบ จนกลายเป็นข้อกังวลว่าจะเกิดการแย่งชิงตลาดคนไทย
- ชง “วาระด่วน” รัฐบาลใหม่ ทุนจีนผวารถไฟไทย-จีนเปลี่ยนทิศ
- เปิดประวัติ ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ ทีมประสานต่างประเทศพรรคก้าวไกล
- แห่แชร์คลิป อ.วีระ ท้าก้าวไกล ถ้าได้เกิน 17 คนในกทม. มากระทืบได้เลย
นอกจากนี้ยังมีประชากรจีนจำนวนหนึ่งที่เดินทางเข้ามาเพื่อศึกษาต่อเนื่อง จากที่นั่งในมหาวิทยาลัยของจีนไม่เพียงพอ แต่ละปีมีนักเรียนจบระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประมาณ 9 ล้านคน แต่มหาวิทยาลัยของจีนทั้งของภาครัฐ และเอกชน ซึ่งมีประมาณ 2,740 แห่ง รองรับนักศึกษาปริญญาตรีได้เพียง 6 ล้านคน
ฉะนั้น ในส่วนที่เหลือประมาณ 3 ล้านคน นักศึกษาจึงต้องมองหาโอกาสเพื่อเรียนต่อในประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นทางเลือกอันดับต้น ๆ ของนักศึกษาจีนที่แห่เข้ามา
“ประชาชาติธุรกิจ” รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนักศึกษาจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยข้อมูลจากรายงานวิจัย “การศึกษาเบื้องต้นว่าด้วยนักศึกษาจีนในไทย” ของ ดร.กุลนรี นุกิจรังสรรค์ และ ดร.กรองจันทน์ จันทรพาหา สองนักวิจัยประจำศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ดังต่อไปนี้
นักศึกษาต่างชาติกว่าครึ่งเป็นคนจีน
ข้อมูลของกระทรวง อว.เปิดเผยว่าในปี 2563 มีจำนวนนักศึกษาต่างชาติในระบบทั้งหมด 27,574 คน มีนักศึกษาจีนมากถึง 14,423 คน คิดเป็นร้อยละ 52 ซึ่งถือว่าไทยมีจำนวนนักศึกษาจีนมากกว่าครึ่งในหมู่นักศึกษาต่างชาติ
หากพิจารณาสถิติจำนวนนักศึกษาจีนในไทยย้อนหลัง 10 ปี จะพบว่าจำนวนนักศึกษาจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และเติบโตขึ้นถึง 6.23 เท่า โดยในปีการศึกษา 2553 มีนักศึกษาชาวจีนในสถาบันอุดมศึกษาแค่ 2,315 คน และเมื่อผ่านไป 10 ปี ในปีการศึกษา 2563 ยอดนักศึกษาจีนได้เพิ่มขึ้นเป็น 14,423 คน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรี 8,352 คน ระดับปริญญาโท 4,056 คน และระดับปริญญาเอก 2,000 คน
แต่สถานเอกอัคราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้ประมาณการว่านักศึกษาจีนทุกระดับชั้นในไทยอาจจะมีมากกว่า 50,000 คน
ทั้งยังพบว่านักศึกษาจีนในไทยส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ทางตอนใต้ของจีน เช่น ยูนนาน กว่างซี เป็นต้น ส่วนนักศึกษาจีนที่มาจากพื้นที่อื่น ๆ มีเป็นส่วนน้อย แต่ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นและหลากหลายขึ้นกว่าในอดีต
นักศึกษาจีนส่วนใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
จากข้อมูลของ กระทรวง อว.ยังพบว่า ในปี 2563 มีนักศึกษาจีน กระจุกตัวอยู่เพียงบางพื้นที่เท่านั้นโดยเฉพาะภาคเหนือและกรุงเทพฯ ดังนี้
- กรุงเทพฯ ปริมณฑล 11,515 คน
- ภาคเหนือ 2,067 คน
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 305 คน
- ภาคตะวันออก 305 คน
- ภาคกลางจังหวัดอื่น ๆ 148 คน
- ภาคใต้ 83 คน
โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นพื้นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่ศูนย์กลางของประเทศ สะดวกสบายต่อการใช้ชีวิต และมีสถาบันการศึกษาที่มีเชื่อเสียงหลายแห่ง
ส่วนภาคเหนือเนื่องจากอยู่ใกล้จีน การเดินทางจึงสะดวกสบายทั้งทางบกและอากาศ และมีสภาพอากาศที่ดี ค่าครองชีพไม่สูงมาก และมีชุมชนชาวจีนอพยพตั้งรกรากในภาคเหนือ และสถาบันการศึกษาหลายแห่งมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในจีน ทำให้หลายจังหวัดในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย เป็นที่รู้จัก และเป็นที่นิยมของนักศึกษาจีน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากภาคอีสานมีบทบาทสำคัญขึ้นจากการเป็นประตูสู่อาเซียน มีรถไฟเชื่อมไทย จีน และอาเซียน ถึงแม้จะไม่มีปัจจัยดึงดูดด้านสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยว แต่ก็เป็นพื้นที่สงบ ส่วนใหญ่ที่เลือกมาเรียนก็มาจากการชักชวน และมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในจีน
ขณะที่ภาคใต้มีนักศึกษาจีนน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีสถาบันอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียงเพียงแค่ไม่กี่แห่ง อีกทั้งอยู่ไกลจากจีน ไม่สะดวกต่อการเดินทาง และชาวจีนกังวลเรื่องความปลอดภัย
ในส่วนของสถาบันการศึกษาไทยหันมาเปิดรับนักศึกษาจีนเพิ่มมากขึ้นถึง 102 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็น
- สถาบันในกรุงเทพฯ ปริมณฑล 50 แห่ง
- ภาคกลาง 7 แห่ง
- ภาคเหนือ 19 แห่ง
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 12 แห่ง
- ภาคตะวันออก 5 แห่ง
- ภาคใต้ 5 แห่ง
โดยร้อยละ 70 ของนักศึกษาจีน (10,083 คน) เลือกศึกษาในสถาบันเอกชน ส่วนร้อยละ 30 (4,340 คน) เลือกศึกษาในสถาบันของรัฐ

10 อันดับมหา’ลัย มีนักศึกษาจีนมากสุด
มหาวิทยาลัยที่มีจำนวนนักศึกษาจีนมากที่สุด 10 อันดับแรก ในปีการศึกษา 2563 ได้แก่
-
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ 2,826 คน
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ 1,560 คน
- มหาวิทยาลัยเกริก 894 คน
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 882 คน
- มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด 824 คน
- มหาวิทยาลัยชินวัตร 592 คน
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ 483 คน
- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 451 คน
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 342 คน
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ 340 คน
ม.เชียงใหม่ นักศึกษาจีนนิยมสูงสุด ในมหาวิทยาลัยของรัฐ
-
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย
- สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่
มหาวิทยาธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยเอกชน ที่นักศึกษาจีนนิยมสูงสุด
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- มหาวิทยาลัยเกริก
- มหาวิทยาลัยนานาชาติสแตมฟอร์ด
- มหาวิทยาลัยชินวัตร
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
- สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์
- มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูล กระทรวง อว.ระบุอีกว่า หลักสูตรที่นักศึกษาจีนนิยมศึกษาต่อ ได้แก่ หลักสูตรบริหารธุรกิจ สาขาการค้า การจัดการ ธุรกิจระหว่างประเทศ การตลาด บัญชี
- ทุนจีนบุกจีบทุนไทย ปั๊มยอดเงินลงทุน “เซี่ยงไฮ้-อีอีซี”
- ดร.เอนก โต้ทุนจีนไม่ได้ฮุบมหาวิทยาลัย มั่นใจอุดมศึกษาไทยไม่แพ้ชาติใด
- ทุนจีนสีเทา นอมินีซื้ออสังหาฯไทย ต้องแก้กฎหมายอะไรบ้าง
- เชียงใหม่ ไชน่าทาวน์ ทุนจีนยึด “สันกำแพง-หางดง”
- นักศึกษาจีนแห่กลับไทย มหา’ลัยเอกชนชิง 3 ล้านคน
- เปิดเบื้องลึก “ซามาเนีย” ทุนค้าปลีกจีนถล่มไทย ใครได้-ใครเสียประโยชน์
- พาณิชย์ ยืนยัน “ซามาเนีย พลาซ่า” ไม่ใช่ต่างด้าวประกอบกิจการได้