ทริส จับตาดีลควบกิจการ “DTAC-TRUE” คาด “NEWCO” หนุนเครดิต “ทรู”

ทรู ดีแทค ทรานส์ฟอร์มสู่เทคปะนี
แฟ้มภาพ

ทริสเรทติ้ง เผยอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบต่ออันดับเครดิต ของ “DTAC” “DTN” “TRUE” และ “TUC” จากดีลควบรวมของ “DTAC-TRUE” ตั้งบริษัทใหม่ “NEWCO” เบื้องต้นอาจกระทบทางลบต่ออันดับเครดิตของ “ดีแทค” ส่วน “ทรู” คาดได้รับผลกระทบทางบวก เหตุบริษัทใหม่ “NEWCO” มีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่ดีกว่า

“ทริสเรทติ้ง” เปิดเผยว่า ทริสกำลังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการประเมินการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) (DTAC) และ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) ว่าจะมีผลกระทบต่ออันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ของ DTAC รวมถึง บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด (DTN) TRUE และ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) อย่างไร

ทั้งนี้ การประเมินยังขาดข้อมูลรายละเอียดที่เกี่ยวกับการควบรวมกิจการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างของบริษัทใหม่และทิศทางธุรกิจหลังการควบรวม เนื่องจากการควบรวมกิจการยังอยู่ในขั้นตอนเบื้องต้นซึ่งเป็นการเจรจาต่อรองและยังจะต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านกฎระเบียบอีกด้วย ทริสเรทติ้งคาดว่าจะได้รับข้อมูลการควบรวมกิจการและทิศทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565

โดยจะมีการรวมกันตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา (new company: NEWCO) ซึ่งโครงสร้างหลังการควบรวมกิจการนั้น คาดว่า Telenor ASA (Telenor) และ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP Group) แต่ละฝ่ายจะถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ NEWCO หลังจากที่มีการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจ ทั้งนี้ การควบรวมกิจการคาดว่าจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565

เมื่อพิจารณาคาดว่า NEWCO จะกลายมาเป็นผู้นำตลาดในอุตสาหกรรมการสื่อสารแบบไร้สายในประเทศไทย ที่มีสัดส่วนรายได้ทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทริสเรทติ้งมองว่า การควบรวมกิจการในครั้งนี้น่าจะทำให้สถานะทางการตลาดของบริษัทใหม่ดังกล่าวแข็งแกร่งขึ้น อีกทั้งจะเพิ่มรายได้และขยายฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังมองว่า NEWCO จะได้รับประโยชน์จากการผสานพลังทางธุรกิจในการใช้โครงข่ายและคลื่นความถี่ร่วมกัน รวมถึงการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการลงทุนลงได้อีกด้วย ซึ่งในระยะยาว NEWCO มีศักยภาพที่จะกลายมาเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมระดับภูมิภาคที่ให้บริการด้านเทคโนโลยีที่หลากหลายได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการอาจส่งผลต่อสถานะเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile) ของทั้ง DTAC และ TRUE อย่างมีนัยสำคัญโดยโครงสร้างการควบรวมยังไม่มีความชัดเจนในขณะนี้ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของ NEWCO จะอยู่ที่ประมาณ 5.5 เท่า ซึ่งสถานะทางการเงินของ NEWCO อาจจะด้อยกว่าสถานะทางการเงินของ DTAC อย่างมีนัยสำคัญ กรณีดังกล่าวน่าจะส่งผลในทางลบต่ออันดับเครดิตของ DTAC

ในการนี้การควบรวมอาจทำให้ระดับความสัมพันธ์ระหว่าง DTAC และ Telenor เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตในปัจจุบันของ DTAC ที่เพิ่มขึ้นจากการได้รับการสนับสนุนจาก Telenor ในทางกลับกัน ทริสเรทติ้งมองว่าการควบรวมอาจเป็นผลดีต่ออันดับเครดิตของ TRUE เนื่องจาก NEWCO มีสถานะทางธุรกิจและการเงินที่ดีกว่า

ทริสเรทติ้งมีข้อสังเกตว่าการควบรวมกิจการในครั้งนี้ยังมีปัจจัยที่ท้าทายอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น การได้รับความยินยอมจากเจ้าหนี้ และการได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช)


ปัจจุบัน DTAC และ DTN ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “AA” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” ส่วน TRUE และ TUC ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “BBB+” และหุ้นกู้ที่มีการค้ำประกันบางส่วนของ TRUE ได้รับอันดับเครดิตที่ระดับ “A-” ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”