
เศรษฐา ถ้อยแถลงครั้งแรก ที่ยูเอ็น โชว์วิสัยทัศน์ SDGs 2030 คิวแน่นเอียดตลอด 3 วันติด กระทบไหล่ โจ ไบเดน-สตรีหมายเลข 1 สหรัฐ ทวิภาคผู้นำโลก เลขาฯยูเอ็น-ประธานฟีฟ่า ลั่นบอลไทยไปเวทีโลก จับมือซีอีโอบริษัทยักษ์ระดับโลก ดึงลงทุนไทยหลายพันล้าน ย้ำเหมาลำบินไทย 30 ล้านคุ้มค่าทุกบาท
วันที่ 20 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานภารกิจนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ระหว่างเดินทางไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 ระหว่างวันที่ 18-24 กันยายน 2566 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา วันแรก วันที่ 19 กันยายน 2566) เวลา 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ณ Trusteeship Council Chamber สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ
- EV จีน ทุบราคาเลือดสาด ฉางอาน-กว่างโจวท้ารบ BYD เกทับลดอีกแสน
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เข้าบัญชีวันนี้ 5 จังหวัด
- เช็กเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท เงินเข้าบัญชีวันนี้ 38 จังหวัด
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี ค.ศ. 2023 (Sustainable Development Goals (SDG) Summit 2023) ว่า
นายกรัฐมนตรีรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2023 ซึ่งถือเป็นการกล่าวถ้อยแถลงครั้งแรกของนายกรัฐมนตรีที่องค์การสหประชาชาติ ซึ่งรัฐบาลยังคงเน้นย้ำเจตนารมณ์ในการให้ความสำคัญที่จะดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs)
ทศวรรษแห่งการลงมือทำ
ความร่วมมือของทุกประเทศในการดำเนินการตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ของสหประชาชาติ ได้เผชิญกับความท้าทายร่วมกันมาถึงในช่วงครึ่งทางของวาระดังกล่าวและในทศวรรษนี้ ซึ่งสหประชาชาติได้กำหนดให้ทศวรรษนี้เป็นทศวรรษแห่งการลงมือทำ (Decade of Action)
นายกรัฐมนตรียังสนับสนุนกรอบความร่วมมือพหุภาคีที่มีประสิทธิภาพ และสถาปัตยกรรมทางการเงินระหว่างประเทศให้มีความเข้มแข็ง รวมทั้งมุ่งหวังให้เกิดความร่วมมือในการขับเคลื่อนการจัดสรรแหล่งทรัพยากรและเงินทุน การลดช่องว่างทางการเงิน รวมถึงสรรหานวัตกรรมเครื่องมือทางการเงิน ซึ่งจะช่วยให้ทุกประเทศสามารถรับมือกับความท้าทาย และการร่วมกันขับเคลื่อน SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ไทยสนับสนุนข้อเรียกร้องของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติในการปฏิรูปสถาปัตยกรรมทางการเงินระหว่างประเทศ ผ่านมาตรการกระตุ้นการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Stimulus) เป็นจำนวนเงิน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี จนถึงปี ค.ศ. 2030
ซึ่งสำหรับการดำเนินการของไทย รัฐบาลได้ออกมาตรการทางการเงิน 12,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลงทุนในเศรษฐกิจสีเขียว และ Thailand Green Taxonomy เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนเพื่อความยั่งยืน ผ่านการกระตุ้นการกำหนดกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากภาคธุรกิจของไทย
โดยสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กต์แห่งประเทศไทย (Global Compact Network Thailand : GCNT) ซึ่งมีบริษัทมากกว่า 100 บริษัททั่วประเทศ ตั้งเป้าขับเคลื่อนการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และจะลงทุนจำนวน 43,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ SDGs ภายในปี ค.ศ. 2030
ลดความยากจน-ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีมองว่าการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จำเป็นต้องมีแนวทางที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนผ่าน เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างเป้าหมายเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งประเทศไทยได้นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และนโยบายเศรษฐกิจ BCG
มาเป็นแนวทางเพื่อมุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยพร้อมประกาศความมุ่งมั่นระดับประเทศเพื่อขับเคลื่อน SDGs รวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนี้
1.ไทยประกาศความมุ่งมั่นในการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง (Leave no one behind) ผ่านหลักการไปให้ถึงและช่วยเหลือกลุ่มที่รั้งท้ายก่อน (reaching those furthest behind first) รวมทั้งลดความยากจนในคนทุกช่วงวัยภายในปี ค.ศ. 2027
2.ไทยประกาศความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศสำหรับประชากรทุกคนในประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับสิทธิด้านสุขภาพ ซึ่งประเทศไทยมีมาตรการที่สำคัญ ๆ เช่น การตั้งเป้าหมายที่จะให้ครัวเรือนที่ต้องกลายเป็นครัวเรือนที่ยากจนหลังจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล (Health impoverishment) ต้องมีจำนวนลดลงไม่เกินร้อยละ 0.25 ภายในปี ค.ศ 2027
3.ไทยประกาศความมุ่งมั่นที่จะผลักดันร่วมมือกับหุ้นส่วนความร่วมมือทุกระดับ ในการดำเนินการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงส่งเสริมการเข้าถึงบริการพลังงานสมัยใหม่ (modern energy services) ในราคาที่เหมาะสมและมีความน่าเชื่อถือภายในปี ค.ศ 2030
นายกรัฐมนตรีหวังว่า การประกาศความมุ่งมั่นของไทยในเรื่องดังกล่าวจะสะท้อนถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่พร้อมร่วมมือกับทุกฝ่ายในการมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ เพื่อประชาชนและโลกที่ดีขึ้นต่อไป
กระทบไหล่ โจ ไบเดน ทวิภาคีผู้นำโลก
ก่อนหน้านี้ วันเดียวกัน เวลา 12.30 น. (เวลาท้องถิ่นนครรัฐนิวยอร์ก) นายชัยกล่าวว่า นายเศรษฐาเดินทางถึงเมื่อตีสองที่ผ่านมา (19 กันยายน 2566) และมีภารกิจในการเดินทางมาร่วมประชุมค่อนข้างมาก โดยภารกิจของนายกรัฐมนตรีโดยแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ดังนี้
1.การร่วมการประชุมระดับพหุภาคีภายใต้กรอบสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่ 78 ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้กล่าวสุนทรพจน์ในรูปแบบเดียวกับผู้นำประเทศอื่น โดยจะได้กล่าวถึงมุมมองเป้าหมายว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน การประชุมในกรอบของการประชุมอาเซียนซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งเป็นปัญหาและความท้าทายระดับโลก
รวมทั้งนายกรัฐมนตรีจะได้เข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองจัดโดย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา และจิลล์ ไบเดน ภรรยา ซึ่งจะถือเป็นโอกาสสำคัญให้ประเทศไทยได้กระชับความสัมพันธ์กับผู้นำระดับโลกอื่น ๆ
2.การพบหารือระดับทวิภาคีกับผู้นำและบุคคลสำคัญระดับนานาชาติ ได้แก่ ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เลขาธิการสหประชาชาติ และประธาน FIFA ซึ่งจะตรงกับความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีที่จะพัฒนาการฟุตบอลไทยให้มีโอกาสมากขึ้นในเวทีโลก
ดึงบริษัทชั้นนำสหรัฐ ลงทุนไทยพันล้าน
3.ความตั้งใจเพื่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นความพยายามของท่านนายกรัฐมนตรีที่ตั้งใจให้เกิดการลงทุนให้เงินทุนไหลเข้าไปในประเทศไทยผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ โดยนายกรัฐมนตรีจะได้พบกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐ Blackrock SpaceX Citibank Tesla Goldman Sachs JP Morgan Estee Lauder Microsoft และ Google
หากมีการลงทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้ จะเพิ่มเม็ดเงินหลายพันล้านในประเทศไทย รวมทั้งจะมีกิจกรรมที่สำคัญอีก ได้แก่ การประชุมมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยประจำสหรัฐ และการพบปะชุมชนไทยในสหรัฐ
กิจกรรมทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ ถูกอัดแน่นในเวลา 3 วันที่นายกรัฐมนตรีปฏิบัติภารกิจที่นี่ และนายกรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากที่นี่คืนวันที่ 22 กันยายน 2566 แต่ด้วยการเดินทาง และความต่างของ Time Zone จะทำให้นายกรัฐมนตรีเดินทางถึงไทยเช้าวันที่ 24 กันยายน 2566
“ในส่วนของประเด็นเรื่องพาหนะการเดินทางของนายกรัฐมนตรี และผู้ร่วมเดินทาง นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร ได้แถลงเพื่อชี้แจงข้อสงสัยแก่สังคมแล้ว ย้ำว่าการเดินทางมาร่วมการประชุมของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับประเทศไทยอย่างแน่นอน” นายชัยกล่าว