Klook ชี้ท่องเที่ยวไทยโตแรง ตั้งเป้าสิ้นปี “ยอดบุ๊กกิ้ง” พุ่งเกิน 3 เท่าตัว

Klook

Klook มั่นใจท่องเที่ยวไทยโตแรง “ไทย-ญี่ปุ่น-ไต้หวัน” ยังเป็นจุดหมายในใจนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าสิ้นปียอดบุ๊กกิ้งโตเกิน 300% มียอดการจองทริปผ่านแพลตฟอร์มแตะหลักล้านครั้ง ชี้นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินซื้อกิจกรรมการท่องเที่ยวสูงขึ้น รุกจับมือพันธมิตรออกแบบประสบการณ์การเดินทางที่พิเศษ พร้อมผนึก ททท.โปรโมตซอฟต์พาวเวอร์

นายเอริค น็อก ฟาห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook แพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ เปิดเผยว่า การฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 เป็นไปในทิศทางที่ดี นักท่องเที่ยวทั้งที่เน้นเดินทางแบบประหยัดและนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูงได้เริ่มเดินทางมายังประเทศไทย โดยไทยเป็น 1 ใน 3 จุดหมายปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาข้อมูลทางประชากรศาสตร์ของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนไป โดยนักท่องเที่ยวจากตลาดการท่องเที่ยวระยะไกล เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วนลดลง ขณะที่นักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้จากในทวีปเอเชียเติบโตเพิ่มขึ้น

“ผู้ประกอบการจำเป็นต้องรับมือกับตลาดการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น นักท่องเที่ยวลักเซอรี่ รวมถึงพร้อมใช้จ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม”

นายเอริคกล่าวด้วยว่า นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการแพลตฟอร์ม Klook ต้องการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ โดยพบว่า นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะจ่ายเงินมากขึ้นในการซื้อกิจกรรมการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะกิจกรรมที่ส่งเสริมการสัมผัสประสบการณ์ โดยนักท่องเที่ยวเพิ่มยอดการจับจ่ายใช้สอยในการซื้อกิจกรรมท่องเที่ยวสูงขึ้นถึง 30% ในปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าสถานการณ์โควิด

 

Klook

นายเอริคกล่าวต่อไปว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของ Klook ประเทศไทย คือ กลุ่มประเทศที่สื่อสารด้วยภาษาจีน เช่น จีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ไต้หวัน รวมถึงเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ โดยใช้จุดเด่นเรื่องการให้บริการที่เหนือกว่า

โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ Klook Edition ซึ่งบริษัทได้จับมือร่วมกับผู้ประกอบการออกแบบประสบการณ์การเดินทางที่พิเศษในบางเส้นทาง ให้บริการผ่านแพลตฟอร์มของบริษัทเท่านั้น เช่น เกาะพีพี, ตลาดน้ำ หรือ Klook Pass ซึ่งเป็นการรวมกิจกรรมต่าง ๆ ที่นักท่องเที่ยวอาจพลาดหรือไม่ให้ความสนใจ ในพื้นที่กรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต

“ไม่เพียงเท่านี้เรายังเปิดตัวบริการเช่ารถยนต์ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มากขึ้น และมองว่าการให้บริการรถเช่าจะช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปยังเมืองรองมากขึ้น ตอบโจทย์ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท.ที่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเดินทางไปเมืองรอง”

นายเอริคกล่าวต่อไปอีกว่า ในปี 2566 นี้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ประเทศไทยยังเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติและตลาดการท่องเที่ยวที่สำคัญของ Klook โดยบริษัทตั้งเป้ามียอดเติบโตในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2566ที่ 300% หรือกว่า 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 และมียอดการจองทริปผ่านแพลตฟอร์มแตะหลักล้านครั้ง

เอริค น็อค ฟา COO และผู้ร่วมก่อตั้ง Klook
นายเอริค น็อก ฟาห์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและผู้ร่วมก่อตั้ง Klook

นายเอริคกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ในปีนี้ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ส่งเสริมฐานลูกค้าชาวเอเชีย ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่ Klook มีความแข็งแรง สนับสนุนและกระตุ้นนักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียลที่เดินทางด้วยตัวเอง (FITs) ใน 7 ประเทศ ได้แก่ ฮ่องกง, สิงคโปร์, ไต้หวัน, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์และมาเลเซีย ให้เดินทางมาเยือนเมืองไทย ซึ่งเป็นการร่วมมือครั้งแรกในการกระตุ้นนักท่องเที่ยวแบบมัลติมาร์เก็ต

โดยบริษัทมีจุดเด่นด้านการใช้สื่อสังคมออนไลน์ ทำงานร่วมกับนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ อินฟลูเอนเซอร์ ผ่านโครงการ “Kreator Program” นำเสนอผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยวไทยสอดแทรกซอฟต์พาวเวอร์ทั้งด้านอาหารภาพยนตร์ เทศกาลแฟชั่น ศิลปะการต่อสู้ หรือ 5F สู่สายตาชาวโลก พร้อมกับความเป็นมิตรไมตรี การให้บริการแบบไทย (Thai Hospitality) ผ่านแคมเปญ “Let Your Journey Be Thai”

พร้อมนำเสนอกิจกรรมที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมไทย อาทิ ร้านอาหารมิชลิน, การเรียนมวยไทย ไปจนถึงนำเสนอให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาสัมผัสกับเทศกาลที่สำคัญ ๆ ของไทย เช่น สงกรานต์ เป็นต้น