“กลุ่มดุสิตธานี” ตอกย้ำโอกาสเติบโตของแบรนด์ไทยในตลาดโลก รุกเซ็นสัญญาบริหารโรงแรม-เรสซิเดนซ์กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อินเดีย “ไซโอกรีน ไพรเวท” รวม 4 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของ “รัฐกรณาฏกะ” ตอนใต้ของอินเดีย ภายใต้แบรนด์ “ดุสิต ปริ้นเซส” คาดพร้อมเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2569
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 นายจิลล์ เครตัลเลช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีได้เซ็นสัญญาบริหารโรงแรม (Hotel Management Agreement : HMA) และบริหารเรสซิเดนซ์ (Residential Management Agreement) กับไซโอกรีน ไพรเวท บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีสำนักงานใหญ่ในบังกาลอร์ ประเทศอินเดีย ในการบริหารจัดการโครงการโรงแรมและเรสซิเดนซ์ รวม 4 แห่ง
สำหรับโครงการใหม่ทั้ง 4 แห่งในอินเดียจะเปิดตัวภายใต้แบรนด์ “ดุสิต ปริ้นเซส” โดยแบ่งเป็น 2 โครงการที่เขตคอร์ก และอีก 2 โครงการที่เมืองบาเกปัลลิ ตั้งอยู่ในรัฐกรณาฏกะ ซึ่งเป็นรัฐที่ใหญ่ที่สุดในอินเดียใต้ มีมรดกทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรม ป่าอันเขียวชอุ่ม สัตว์ป่า และธรรมชาติที่งดงาม มีห้องพักรวมทั้งหมด 450 ห้อง
โดย 2 โครงการแรกที่ตั้งอยู่ในเขตคอร์ก ประกอบด้วย
- โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส คอร์ก มีห้องพักรวม 100 ห้อง
- โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส เรสซิเดนเซส คอร์ก ที่แบ่งเป็นวิลล่า 50 หลัง และห้องพัก 100 ห้อง ตั้งอยู่บนพื้นที่ 182,000 ตารางเมตร ท่ามกลางเทือกเขาธรรมชาติอันร่มรื่น
ทั้งนี้ จุดเด่นของเขตคอร์กคือ การมีทัศนียภาพที่สวยงาม อากาศหนาวสบาย ป่าเขียวชอุ่ม ไร่กาแฟ และเป็นแหล่งมรดกโลก เช่น ทาลาคาเวรี แหล่งกำเนิดของแม่น้ำกาเวรี ทำให้คอร์กมักถูกเรียกว่า “สก็อตแลนด์ของอินเดีย” โดยกลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะนำเสนอกิจกรรมทางธรรมชาติที่หลากหลาย เหมาะสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม ทั้งครอบครัว คู่รัก และกลุ่มเพื่อนที่เดินทางมาเพื่อพักผ่อนและสนุกสนานร่วมกัน
ส่วนอีก 2 โครงการ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองบาเกปัลลิ จะอยู่ภายในโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่เน้นเวลเนสแบบสุขภาพองค์รวม บนพื้นที่ขนาด 283,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย
- โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส รีสอร์ท บาเกปัลลิ มีห้องพักรวม 100 ห้อง
- โรงแรมดุสิต ปริ้นเซส เรสซิเดนเซส บาเกปัลลิ ที่นำเสนอวิลล่าสำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะรวม 150 หลัง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย
- เทวารัณย์ เวลเนส ที่จะนำเสนอประสบการณ์ผ่านโปรแกรมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมภายใต้แนวคิด การหยุดนิ่ง (Pause), การมีสมาธิ (Focus) และการเติบโต (Growth) รวมถึงการรักษาด้วยสมุนไพร, การรักษาอายุรเวท และหลักการรักษาแบบไทยโบราณ ภายใต้บรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการพักผ่อน
เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำชิตราวาธีที่เงียบสงบ การเดินทางสะดวกสบาย เนื่องจากอยู่ห่างจากสนามบินนานาชาติบางกะลอร์ประมาณ 1 ชั่วโมงสำหรับการเดินทางโดยรถยนต์
“ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการยืนยันความมุ่งมั่นของกลุ่มดุสิตธานีในการขยายธุรกิจในอินเดีย ด้วยความสวยงามของธรรมชาติพร้อมการบริการอย่างไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของดุสิตธานี ทำให้มั่นใจว่า โครงการแห่งใหม่ทั้ง 4 นี้จะเป็นจุดหมายปลายทางที่สร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับทุกผู้มาเยือน และยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างมูลค่าอันยั่งยืนสำหรับชุมชนอีกด้วย”
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มบริษัทดุสิตธานีกล่าวด้วยว่า กลุ่มดุสิตธานีมองเห็นศักยภาพและโอกาสการเติบโตในอินเดีย โดยปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานี บริหารจัดการกลุ่มวิลล่าหรูหรา ภายใต้แบรนด์ “อีลิธ ฮาเวนส์” ที่เมืองกัวในอินเดีย
และเตรียมเปิดให้บริการโรงแรมดุสิตแห่งแรกในอินเดีย ชื่อ “ดุสิตดีทู ฟากุ ชิมลา” ขนาด 80 ห้อง ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการนำแบรนด์ไทยและบริการแบบไทยภายใต้มาตรฐานดุสิตธานีไปสู่ตลาดโลก