“ดุสิตธานี” รุกเพิ่มพอร์ตในจีน ชี้วิกฤตอสังหาฯไม่กระทบธุรกิจโรงแรม

ดุสิตดีทู ฉู่สง ยูนนาน

“ดุสิตธานี” เดินหน้าขยายพอร์ตโรงแรมในจีน ยันวิกฤตอสังหาฯกระทบการใช้จ่ายของคนจีน แต่ไม่กระทบภาคธุรกิจโรงแรมโดยตรง ตั้งเป้าบริหารโรงแรมในจีนราว 30 แห่งภายใน 3-5 ปีข้างหน้า

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมในประเทศจีนว่าอยู่ที่ระดับประมาณ 60-70% มากกว่าก่อนสถานการณ์โควิด-19 ในปี 2562 ไปแล้ว เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนนิยมเดินทางในประเทศมาตั้งแต่ช่วงของการระบาด

นางศุภจีกล่าวว่า ส่วนปัญหาเศรษฐกิจของจีนที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ 2 แห่ง ทั้งคันทรี การ์เดน (Country Garden) และไชน่า เอเวอร์แกรนด์ (China Evergrande Group) เกิดปัญหาด้านการดำเนินธุรกิจนั้นยอมรับว่าอาจกระทบต่อการจับจ่ายของชาวจีนส่วนหนึ่ง เห็นได้จากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จีนที่ลดลง และกระทบในหลายหน่วยธุรกิจ แต่ไม่ได้กระทบกับธุรกิจโรงแรมมากนัก

นอกจากนี้ หุ้นส่วนที่ทางดุสิตธานีมีความร่วมมือในประเทศจีนเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม มีการลงทุนมานานแล้ว และในส่วนของดุสิตธานีเองทำหน้าที่เป็นผู้รับบริหารทั้งหมด

ทั้งนี้ ในประเทศจีน ดุสิตธานีรับบริหารโรงแรมอยู่ทั้งสิ้น 11 แห่ง ส่วนในปีนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวโรงแรมอีก 2 แห่ง และมีแผนจะขยายพอร์ตโรงแรมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ดุสิตธานีจะมีโรงแรมในประเทศจีนราว 30 แห่งในช่วงประมาณ 3-5 ปีนี้

“เศรษฐกิจจีนต้องคอยจับตา จีนยังเป็นตลาดที่สำคัญมาก ๆ สิ่งที่ดุสิตธานีทำคือ ต้องหาตลาดทดแทนร่วมด้วย เช่น ตลาดรัสเซีย อินเดีย ตะวันออกกลาง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ รวมถึงตลาดในประเทศไทยเองด้วย” นางศุภจีกล่าว

ดุสิตดีทู ฉู่สง ยูนนาน

ในส่วนของประเทศไทยนั้น นางศุภจีกล่าวว่า โรงแรมมีผลการดำเนินงานที่ดี เช่น พัทยา หัวหิน ภูเก็ต อย่างไรก็ตาม พบว่าต้นทุนในการดำเนินธุรกิจปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศยังมีแนวโน้มที่ดี เช่น พื้นที่ตะวันออกกลาง มัลดีฟส์ แต่ตลาดดังกล่าวก็มีความท้าทายจากการผ่อนคลายด้านการท่องเที่ยวที่มีมากขึ้น

“กลุ่มดุสิตธานีมีแรงงานเพียงพอ โดยในช่วงของการระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา เราไม่เคยปรับลดจำนวนพนักงาน และยังสามารถให้บริการแก่กลุ่มเรสซิเดนซ์และองค์กรภายนอกเพิ่มเติมได้อีกด้วย” นางศุภจีกล่าว

และว่า ปี 2565 กลุ่มดุสิตธานี มีรายได้ 5,130 ล้านบาท ในปีนี้ตั้งเป้ามีรายได้เติบโตอีก 30% พร้อมยืนยันแผนนำกลุ่มธุรกิจอาหาร “ดุสิตฟู้ดส์” เตรียมเสนอขายหุ้น IPO แก่ประชาชนในช่วงปลายปี 2567 โดยปัจจุบันได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน และวางโครงสร้างกรรมการบริษัทเรียบร้อยแล้ว

สำหรับปี 2566 นี้กลุ่มบริษัทดุสิตธานีมีแผนที่จะขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตเพิ่มขึ้น 14 แห่ง รวมประมาณ 1,700 ห้อง ใน 7 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมทั้งในเอเชียและยุโรป

รวมถึงประเทศไทย ซึ่งจะทำให้พอร์ตโฟลิโอทั่วโลกของกลุ่มดุสิตในปีนี้มีโรงแรมรวมกันทั้งหมด 62 แห่ง หรือประมาณ 13,700 ห้อง ใน 17 ประเทศทั่วโลก รวมทั้งยังมีอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 60 แห่งที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการภายใน 3-4 ปีข้างหน้า

โดยในแผนเปิดให้บริการในปีนี้จะมีการบุกจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในตลาดใหม่ ๆ ที่ยังไม่เคยมีโรงแรมในเครือดุสิตธานีมาก่อน ได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น ประเทศกรีซ เป็นต้น ที่เหลือจะเป็นจุดหมายปลายทางที่เคยมีแล้ว อาทิ เนปาล 2 แห่ง อินเดีย 2 แห่ง เคนยา 1 แห่ง และจีน 3 แห่ง ฯลฯ