ความท้าทายด้านการเมืองระหว่างประเทศ หรือ Geopolitic Challenge เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ไทยต้องเผชิญ หลังจากทั่วโลกแบ่งสีแบ่งฝักฝ่าย (ตามกราฟิก) ไทยจะวางแนวทางอย่างไร เพื่อยังคงรักษาความเป็น “กลางทางการเมือง” เปิดรับนักท่องเที่ยวและการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ
มองไม่ชัดเจน
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า Geopolitic Challenge เป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราต้องเผชิญ เหตุการณ์ล่าสุดระหว่างอิสราเอล-อิหร่านเป็นหนึ่งในตัวอย่างของความน่ากังวล เพราะข่าวที่ออกมาช่วงแรก “ยังไม่มีความชัดเจน” เกี่ยวกับสถานการณ์จึงยากที่จะคาดการณ์ผลกระทบที่จะตามมา
- เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เดือนพฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน เช็กที่นี่
- เช็กที่นี่ เบี้ยผู้สูงอายุ พฤษภาคม 2567 เงินเข้าวันไหน
- เปิดอันดับ “ประเทศที่อากาศมีมลพิษที่สุดในโลก” ไทยไม่ติดท็อป 10 !
“จีโอโพลิติกทำให้ไม่มีใครกล้า Predict ว่าเกิดอะไรขึ้น ราคาน้ำมันขายปลีกขึ้น 50 สต. เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567 หลังสิ้นสุดการลดภาษีสรรพสามิตมีผลต่อกำลังซื้อ และความเชื่อมั่น หลายฝ่ายเริ่มมองว่าทิศทางราคาน้ำมันจะไปอยู่ตรงไหน รัฐไม่กู้เงินเพิ่ม ภาษีสรรพสามิตน้ำมันจะไม่ลดลงต่อ คำถามคือ เพิ่ม 50 สตางค์กี่วัน เพิ่มไปถึงเมื่อไร”
ประเด็นเรื่อง “ความไม่ชัด” ทำให้ไม่รู้ว่าเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร ดอกเบี้ยโลกจะลดลงหรือไม่ จากข้อมูลที่ปรากฏว่าธนาคารกลางยุโรป ประกาศว่าลดแน่ในเดือนมิถุนายน ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังระบุว่าไม่กล้าลดดอกเบี้ย
เพราะไม่มั่นใจว่าระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับขึ้นไปสูงเท่าไร จะถึง 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลหรือไม่ เชื่อมโยงถึงเงินเฟ้อที่อาจจะไม่ลดลงแน่ เมื่อไม่ลดดอกเบี้ยเศรษฐกิจโลกจะไม่ฟื้นตัวตามที่ IMF เคยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัว 3.1-3.2% ซึ่งเป็นการคาดการณ์ ตอนยังไม่มีเหตุการณ์อิหร่านและอิสราเอล”
ความเสี่ยงภายในประเทศ
สมมุติฐานว่าธนาคารกลางสหภาพยุโรปและสหรัฐไม่ลดดอกเบี้ย อาจมีความไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตามที่คาดการณ์ไว้ในช่วงครึ่งปีหลังหรือไม่ ขณะเดียวกัน “งบประมาณ” ที่เคยคาดการณ์จะเริ่มใช้ได้ต้นเดือนเมษายนแต่ตอนนี้ เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน และยังต้องรอความชัดเจนของการคิกออฟดิจิทัลวอลเลต ซึ่งหากสามารถใช้ได้ 500,000 ล้านบาท
จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5% รวมเป็น 3% ในปีนี้ แต่หากใช้ได้ไม่ถึงการขยายตัวก็จะอยู่ที่ประมาณ 2.5-2.6%
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคล่าสุด ช่วงสงกรานต์ควรจะมีเงินสะพัดมากกว่านี้ จากสถานการณ์ราคาพืชผลดี แต่ปรากฏว่าเผชิญกับปัญหาภัยแล้งครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำจะเยอะเกินไป
ส่วนภาคการท่องเที่ยว ในช่วง 3 เดือน 15 วัน ปีนี้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 10.7 ล้านคน มีการใช้จ่าย 518,000 ล้านบาท จ่ายเฉลี่ยต่อคนเพิ่มเป็น 48,000 บาท จากปีก่อน 42,000 บาท แสดงว่าการท่องเที่ยวมีอัตราเติบโตดีมาก
เร่งเบิกจ่ายงบฯลงทุน “ท้องถิ่น”
ท่ามกลางความไม่ชัดเจนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงท้าทาย รศ.ดร. ธนวรรธน์เสนอว่า ควรให้หน่วยงานของรัฐองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งรัดการลงทุนโครงการก่อสร้างต่าง ๆ เพื่อดันเศรษฐกิจให้ค่อย ๆ ฟื้นตัว หากทั้งหมดสามารถบริหารจัดการดี และมีดิจิทัลวอลเลตมาช่วยอีก การท่องเที่ยวสามารถประคองตัวให้ดี และผลจากนโยบาย Soft Power เข้ามาจะช่วยเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังฟื้นและภาพรวมทั้งปี 3%
จุดเปราะบางเศรษฐกิจ
“จุดเปราะบางเศรษฐกิจ คือ ต้นทุนเอกชน และกำลังซื้อประชาชนยังไม่มี สิ่งสำคัญต้องเข้าใจเรื่องการบริหารพลังงาน เช่น ถ้าขึ้นราคาดีเซลทุก 1 บาท จากปริมาณการใช้ดีเซลวันละ 70 ล้านลิตร เท่ากับเงินไหลออกวันละ 2,100 ล้านบาท ฉะนั้น คำถามที่สำคัญ พยายามบริหารอย่าให้เกิน 32 บาท ในระยะสั้น เหตุผลคือว่า ถ้าขึ้น 2 บาท เงินจะไหลออกเดือนละ 4,000 ล้านบาทเท่านั้น
แม้ว่าเป็นเม็ดเงินไม่สูง แต่มีผลทำลายทางจิตวิทยา แต่งบประมาณแผ่นดิน อัดเข้ามา 40,000-50,000 ล้านบาทต่อเดือน หากเทียบกับเงินค่าน้ำมันที่ไหลออก “เติมน้ำในบ่อให้มากกว่าน้ำที่ไหลออก ดังนั้นจุดสำคัญคือ เร่งเบิกจ่ายเงินก่อน ถ้าไม่มีใครเติมน้ำเข้าไปอย่าเร่งเอาน้ำออก ทั้งดอกเบี้ยและค่าแรง”
“โครงสร้างกองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ถ้าใช้สถิติเดิม คือ 1 แสนล้าน ถ้าใช้สถิติเดิมในการประคองน้ำมัน 1 แสนล้าน และเอา 5 หมื่นล้านไปดูแลแอลพีจีครัวเรือนซึ่งมีผลต่อเศรษฐกิจน้อย แต่เมื่อน้ำมันขนส่งสะเทือนอย่างรุนแรง ฉะนั้นเรายังมีตัวเลขอีก 5 หมื่นล้าน เท่ากับยังมีรูมในการบริหารระยะสั้น ระหว่างดึงเงินงบประมาณออกมาในช่วงเปราะบางของเศรษฐกิจ”
โฟกัส FTA เป้าหมาย
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย คนที่ 1 กล่าวว่า จีโอโพลิติกยังไม่มีผลต่อการค้าระหว่างประเทศ เพราะยังไม่มีสงครามใหญ่แบ่งค่ายแบ่งข้าง ไทยอยู่ตรงกลาง ฉะนั้น การเจรจาความตกลงเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่อยู่ระหว่างเจรจา ไม่ว่าจะเป็น เอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ไทย-สหราชอาณาจักร (ยูเค) ไทย-สมาคมการค้าเสรียุโรป (EFTA) และกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) 4-5 ฉบับ
ยังสามารถเดินต่อได้ ส่วนเอฟทีเอไทย-สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) อยู่ระหว่างการเตรียมจัดทำข้อตกลงสำหรับการลงนาม ซึ่งหากแก้ไขข้อบทต่าง ๆ สำเร็จ คาดว่าจะสามารถลงนามได้แน่นอน
“สิ่งที่รัฐบาลต้องระวังคือ อุปสรรคการแก้กฎหมายที่กำลังดำเนินการ หากเราไปแก้ไขประเด็นที่ขัดระเบียบสากลจะกลายเป็นปัญหากับเราได้ กรณีนี้อยากให้มองว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นอิสราเอล-อิหร่านนั้นมี 2 มุมไม่ใช่ไม่ดีหมด แม้ว่าในทางตรงคือต้นทุนราคาพลังงานสูงแน่นอน รัฐบาลควรออกมาตรการประหยัดพลังงานได้แล้ว ส่วนทางอ้อมคือซัพพลายเชน กระทบต้นทุนของเราสูงขึ้น แต่ด้วยมีปัจจัยค่าเงินอ่อน บวกกับความต้องการอาหารเพิ่มขึ้นทำให้มีรายได้ส่วนนี้ดีขึ้น มีสองมุม”
มองอนาคต “ราคาสินค้า”
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สำหรับกิจกรรมการแสดงสินค้าไทยที่ เมืองริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเดือนพฤศจิกายน 2567ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
“เอกชนเห็นว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ลำบากในการบริหารของรัฐบาลเองที่ต้องดูแลน้ำมันและค่าพลังงาน ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูงขึ้นแน่นอน และต้องดูแลเรื่องสินค้าให้ถูก และคนมีหนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งต้องดูแลด้วย ถ้าจะไปกระชากทำให้ราคาน้ำมันหรือราคาพลังงานสูงขึ้นทันที คงจะรับไม่ได้ เพราะว่าผู้ประกอบการเผชิญผลกระทบเรื่องต้นทุน ถ้าผลิตสินค้าออกมาขายขาดทุน เศรษฐกิจจะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ อันนี้เป็นส่วนที่สำคัญ”
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการก็ตระหนักดีว่า 1) การแข่งขันสูง 2) การใช้กำลังการผลิตอยู่ระดับ 60% ต้น ๆ และ 3) กำลังการซื้อของคนไทยไม่แข็งแรง ดังนั้นไม่มีใครกล้าขึ้นราคา เพราะขณะนี้แข่งขันกันแทบแย่อยู่แล้ว ส่วนนี้เชื่อว่ารัฐบาลต้องหาทาง ถ้าจะขึ้นราคาน้ำมันก็คงค่อย ๆ ขยับขึ้น และการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกส่วนที่สามารถจะช่วยได้ คือ โครงการธงฟ้า ช่วยคนในชุมชนสามารถทำได้เลย”่