เฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ยังไม่ชัดว่าจะจบรอบ ย้ำนำเงินเฟ้อลงสู่เป้าหมาย

ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed-เฟด)

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติไม่ขึ้นดอกเบี้ย คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม 5.25-5.5% แต่ยังไม่บ่งชี้ชัดว่าจะจบรอบ ยังเปิดประตูสำหรับการขึ้นต่อ เน้นย้ำจัดการเงินเฟ้อที่ยังสูง 

วันที่ 1 พฤศจิกายน 2023 เวลา 14.00 น. ตามเวลา EDT สหรัฐ ซึ่งตรงกับเวลา 01.00 น. วันที่ 2 พฤศจิกายน ตามเวลาประเทศไทย ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เผยผลการประชุมตัดสินใจนโยบายการเงิน โดยที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่อัตรา 5.25-5.5% เป็นไปตามที่นักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และนักวิเคราะห์คาดการณ์ ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งติดต่อกัน

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปีของสหรัฐ

ในเอกสารข่าวแผยแพร่ของธนาคารกลางสหรัฐระบุว่า ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจล่าสุดชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่ง การจ้างงานใหม่มีการชะลอตัวลงมานับตั้งแต่ช่วงต้นปี แต่ยังคงแข็งแกร่ง และอัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ “อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง”

ระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพและมีความสามารถในการรับมือวิกฤตและฟื้นตัว (resilient) เงื่อนไขทางการเงินและสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับครัวเรือนและธุรกิจมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งขอบเขตของผลกระทบเหล่านี้ยังไม่แน่นอน “คณะกรรมการยังคงให้สำคัญเป็นอย่างมากกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

คณะกรรมการพยายามที่จะบรรลุการจ้างงานสูงสุดและอัตราเงินเฟ้อ 2% ในระยะยาว และเพื่อที่สนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ คณะกรรมการจึงตัดสินใจรักษาช่วงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางไว้ที่ 5.25% ถึง 5.5% คณะกรรมการจะยังคงประเมินข้อมูลที่เข้ามาเพิ่มเติม และผลกระทบของมันที่มีต่อนโยบายการเงินต่อไป

ในการกำหนดขอบเขตการกระชับนโยบายเพิ่มเติม ซึ่งอาจเหมาะสม เพื่อที่จะนำอัตราเงินเฟ้อกลับลงไปอยู่ที่ 2% เมื่อเวลาผ่านไป คณะกรรมการจะพิจารณาถึงความเข้มงวดสะสมของนโยบายการเงิน ความล่าช้าที่นโยบายการเงินส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ และการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการเงิน 

นอกจากนี้ คณะกรรมการจะยังคงลดการถือครองตราสารหนี้ (ทำ QT) ตามที่อธิบายไว้ในแผนการที่ประกาศก่อนหน้านี้

“คณะกรรมการมีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่จะนำอัตราเงินเฟ้อกลับลงไปสู่เป้าหมาย 2%” ถ้อยแถลงของ FOMC ย้ำเป้าหมาย 

FOMC บอกอีกว่า ในการประเมินจุดยืนและท่าทีที่เหมาะสมของนโยบายการเงิน คณะกรรมการจะติดตามผลกระทบของข้อมูลที่ส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจต่อไป คณะกรรมการจะเตรียมปรับจุดยืนของนโยบายการเงินตามความเหมาะสม หากเกิดความเสี่ยงที่อาจขัดขวางการบรรลุเป้าหมายของคณะกรรมการ การประเมินของคณะกรรมการจะพิจารณาข้อมูลที่หลากหลาย รวมถึงสภาวะตลาดแรงงาน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ และการคาดการณ์เงินเฟ้อ และการพัฒนาด้านการเงินและด้านระหว่างประเทศ

บลูมเบิร์ก (Bloomberg) รายงานปฏิกิริยาของตลาดทันทีหลังทราบผลการประชุม ก่อนการแถลงข่าวของเจอโรม พาวเวลล์ (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ว่าดัชนี S&P 500 และผลตอบแทนพันธบัตรกระทรวงการคลังฟื้นตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงขณะที่กำลังแถลงข่าว

จากนั้น ขณะที่เจอโรม พาวเวลล์ แถลงข่าว ดัชนี S&P 500 ลดลงเล็กน้อย ส่วนใน FedWatchTool ของ CME Group (ณ เวลา 02.08 น. เวลาประเทศไทย) บ่งชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 78.9% ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมครั้งถัดไป (วันที่ 12-13 ธันวาคม) ให้น้ำหนัก 19.4% ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และให้น้ำหนัก 1.7% ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25%

แม้ว่านักเศรษฐศาสตร์และนักวิวเคราะห์จำนวนหนึ่งมองว่าเฟดจะเลิกขึ้นดอกเบี้ยแล้ว แต่ถ้อยแถลงของพาวเวลล์ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะไม่มีการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต เขาบอกว่าคณะกรรมการจะตัดสินใจในการประชุมแบบครั้งต่อครั้ง

“เฟดไม่ได้คิดหรือพูดถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย” พาวเวลล์กล่าว 

นอกจากนั้น พาวเวลล์กล่าวว่าเฟดกำลังติดตามความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ รวมถึงสงครามอิสราเอล-ฮามาส นอกจากนี้ เขายังตั้งข้อสังเกตถึงการนัดหยุดงานของแรงงานและความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐจะปิดการดำเนินงาน (government shutdown) เนื่องจากไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสภา