เส้นทาง โดนัลด์ ทรัมป์ – อังเกลา แมร์เคิล หลังอำลาตำแหน่งผู้นำประเทศ

รายงาน

ปี 2564 มี 2 ผู้นำประเทศทรงอิทธิพล ที่หมดวาระการดำรงตำแหน่ง คนแรกอยู่ในตำแหน่งเพียงวาระเดียว แต่มีเรื่องราวให้ทั่วโลกจดจำนับไม่ถ้วน ส่วนคนที่สองอยู่ในตำแหน่งยาวนานถึง 16 ปี กระทั่งได้ชื่อว่าเป็น “มารดาแห่งประเทศ” 

“ประชาชาติธุรกิจ” เปิดเส้นทางหลังการอำลาตำแหน่งของ 2 ผู้นำคนดังอย่าง “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 45 กับ “อังเกลา แมร์เคิล” นายกรัฐมนตรีเยอรมนีคนที่ 8 และนายกรัฐมนตรีหญิง (เหล็ก) คนแรกของเยอรมนี ที่แม้จะหมดวาระในปีเดียวกัน แต่เส้นทางของ 2 อดีตผู้นำ กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“ทรัมป์” รีเทิร์น

การบริหารประเทศของทรัมป์จบลงด้วยหายนะในเดือนมกราคม 2564 เมื่ออดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้ดูเหมือนจะเชียร์ให้ผู้สนับสนุนของตัวเองบุกเข้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ

เหตุถล่มอาคารรัฐสภาครั้งนั้น ส่งผลให้บัญชีผู้ใช้งานของทรัมป์ถูกลบออกจากโซเชียลมีเดียหลัก ๆ ทั้งหมด รวมถึงทวิตเตอร์ ซึ่งเขามักใช้เพื่อสร้างถ้อยคำยั่วยุบรรดาผู้สนับสนุนของตัวเอง หลังจากพยายามล้มผลการเลือกตั้งเพื่อสกัดไม่ให้ “โจ ไบเดน” เข้าทำงานในทำเนียบขาวแล้ว แต่ไม่สำเร็จ

มีผู้สนับสนุนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวของทรัมป์ ขณะที่คนที่เหลือทั้งโลกอยากจะก้าวพ้นช่วงเวลา 4 ปีที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งเสียที

แล้วตอนนี้ทรัมป์อยู่ที่ไหน ? กำลังทำอะไรอยู่ ?

หลังก้าวลงจากตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ใช้เวลาอยู่ที่มาร์อาลาโกรีสอร์ทในรัฐฟลอริด้า และในระหว่างที่ความสนใจในตัวเขาเริ่มจางหายไป อดีตผู้นำสหรัฐฯ คนนี้กำลังวางแผนกลับเข้าสู่สปอตไลท์อีกครั้ง

ชายอายุ 75 ปี และทีมงานของเขา กำลังทำงานเพื่อสร้างแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างข่าวป้องกันความแตกตื่นให้กับชาวอเมริกัน

ในการเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ชื่อ TRUTH Social ทรัมป์กล่าวว่าจะยืนหยัดต่อสู้กับบิ๊กเทครายใหญ่ที่ครอบงำตลาดอยู่ โดยกล่าวหาว่าบิ๊กเทคเหล่านี้กำลังปิดปากเสียงของฝ่ายตรงข้ามในสหรัฐฯ

เขากล่าวว่า “เราอยู่ในโลกที่มีกลุ่มตอลิบานปรากฏตัวในทวิตเตอร์ แต่ประธานาธิบดีชาวอเมริกันคนโปรดของคุณกลับถูกปิดปาก”

TRUTH Social จะเปิดตัวทั่วสหรัฐฯ ในช่วงสองสามเดือนแรกของปี 2565 ตามแถลงการณ์ของ ทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป

แอปใหม่นี้ดูจะคล้ายกับทวิตเตอร์ ซึ่งเคยเป็นแอปโปรดของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกอาจยากที่จะตัดสินใจว่าแอปใหม่ของทรัมป์จะได้รับความสนใจหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยพยายามขยายพื้นที่โซเชียลแบบอนุรักษ์นิยมมาแล้ว แต่ก็ล้มเหล้ว

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯคนดัง ยังจะบอกเล่ามุมมองที่มีต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ในระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่ง ผ่านหนังสือเล่มใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังถูกเก็บเป็นความลับ

ทรัมป์กล่าวถึงเรื่องหนังสือว่า เขาได้ปฏิเสธข้อเสนอจาก 2 สำนักพิมพ์ไป แต่ไม่ได้ระบุว่าสำนักพิมพ์ใดที่ได้ตีพิมพ์หนังสือของเขา

เขาไม่ใช่หน้าใหม่สำหรับแวดวงหนังสือ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยเขียนหนังสือชื่อ Trump: The Art of the Deal เมื่อปี 2530 และหนังสือเล่มนี้ได้กลายเป็นหนังสือขายดีของนิวยอร์กไทม์ส

นอกจากนี้ หนึ่งในแผนงานของเขาคือการกลับมาอยู่ในแถวหน้าทางการเมืองของสหรัฐฯ คาดว่าเขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งในทำเนียบขาวอีกครั้งในการเลือกตั้งปี 2567

ทรัมป์ยังจัดการชุมนุมเพื่อเอาใจแฟน ๆ ที่คลั่งไคล้เขา ล่าสุดมีการรวมตัวกันที่รัฐไอโอวา โดยเขาได้ประกาศกับผู้สนับสนุนว่า “เราจะเอาอเมริกากลับคืนมา”

เขายังให้การสนับสนุนผู้สมัครในรัฐบาลกลางและตามรัฐต่าง ๆ พร้อมกับอ้างว่าความสำเร็จของผู้สมัครเหล่านั้นมาจากเขา เช่นกรณีของ “เกล็นน์ ยังกิน” ที่ชนะการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐเวอร์จิเนีย

ทรัมป์ยังคงรักษาฐานผู้มีสิทธิเลือกตั้งของพรรครีพับลิกันไว้ได้มาก และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสิ่งนี้อาจมีผลต่อการเลือกตั้งในปี 2567

“คริส วิลสัน” นักยุทธศาสตร์และผู้สำรวจความเห็นของพรรครีพับลิกัน ที่ทำงานด้านนี้มายาวนาน กล่าวว่า “ทุกอย่างที่ทรัมป์กำลังทำ สามารถแปรเปลี่ยนเป็นการหาเสียงเลือกตั้งในปี 2567 อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ยังทำให้เขาได้รับความสนใจจากสาธารณชนและมีฐานอำนาจทางการเมืองที่แข็งแกร่ง

จากผลสำรวจความเห็นในช่วงปลายปีสะท้อนว่า ไบเดนกำลังเผชิญวิกฤตจากการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ขณะที่ทรัมป์กำลังได้แรงหนุนจากชาวอเมริกันอีกครั้ง

ผลสำรวจความเห็นล่าสุดจาก Smarkets ชี้ว่า ทรัมป์มีโอกาสถึง 22% ที่จะได้รับเลือกให้กลับมานั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯอีกครั้ง ในการเลือกตั้งปี 2567 ขณะที่โอกาสของไบเดนลดเหลือเพียง 15%

ชีวิตหลังเกษียณของ “แมร์เคิล”

หลังหมดวาระลงแล้ว “อังเกลา แมร์เคิล” ไม่ได้มีเวลาทำซุปมันฝรั่งหรืออบเค้กอย่างที่ชอบทำในทันที เธอต้องอยู่ดูแลกระทั่งเยอรมนีผ่านพ้นการเลือกตั้งจนได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ “โอลาฟ ชอลซ์” และต้องช่วยดูแลกระทั่งเขาสามารถตั้งรัฐบาลใหม่ได้เรียบร้อย

ระหว่างการเดินทางเยือนวอชิงตัน ดี.ซี. เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แมร์เคิลถูกถามเรื่องแผนหลังเกษียณอายุ แม้เธอจะเคยตอบคำถามนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ในบางครั้ง แต่ครั้งนั้นเธอเผยชัดเจนว่า อย่างแรกคือการหยุดพักและไม่รับคำเชิญใด ๆ เธอต้องยอมรับว่างานต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ของเธอ “ตอนนี้ตกเป็นหน้าที่ของคนอื่นแล้ว” เธอกล่าวและเสริมด้วยว่า “ฉันคิดว่าฉันน่าจะชอบมาก”

เวลาว่าง ซึ่งกำลังจะเป็นสิ่งแปลกใหม่ เธอต้องการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองสนใจจริง ๆ เพราะในช่วง 16 ปีที่ผ่านมา เธอไม่ได้มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลย

แต่บางคนคิดว่า หากปราศจากตารางงานที่แน่นเอี้ยดแล้ว แมร์เคิลจะรู้สึกเบื่ออย่างรวดเร็ว

แมร์เคิลที่อายุ 67 ปี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องทางการเงินใด ๆ เพราะในฐานะนายกรัฐมนตรีเยอรมนี เธอมีรายได้เดือนละ 25,000 ยูโร หรือราว 940,000 บาท นอกจากนั้นยังมีรายได้อีกประมาณ 10,000 ยูโร หรือราว 370,000 บาท ในฐานะสมาชิกสภาบุนเดิสทาค ซึ่งเป็นงานที่เธอทำมากว่า 30 ปี

เมื่อเธอหยุดทำงาน เธอจะยังได้รับเงินเดือนเต็มจำนวนต่อไปอีก 3 เดือน จากนั้นจะได้เป็นค่าเลี้ยงชีพเป็นจำนวนครึ่งหนึ่งของเงินเดือน จ่ายสูงสุด 21 เดือน ไม่นับรวมเงินบำนาญ และสิทธิต่าง ๆ ที่ได้จากการทำงานในฐานะผู้นำประเทศและสมาชิกสภาบุนเดิสทาค

คาดว่าเธอจะได้เงินบำนาญเดือนละประมาณ 15,000 ยูโร หรือราว 560,000 บาท รวมถึงยังได้รับการรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคล และรถยนต์พร้อมคนขับตลอดชีวิต ตลอดจนสำนักงานในกรุงเบอร์ลิน พร้อมผู้บริหารสำนักงาน ที่ปรึกษา 2 คน และเลขานุการ 1 คน

อดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาลของเยอรมนีต้องรักษาความลับตามกฎหมาย แต่แม้ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยความลับใด ๆ พวกเขายังคงได้รับความนิยมในโลกธุรกิจ โดยเฉพาะในตำแหน่งที่ปรึกษา เนื่องจากคอนเนกชั่นทางการเมืองที่กว้างขวาง

ผู้นำเยอรมนีคนก่อน ๆ ได้ผันตัวเองเข้าสู่ภาคเอกชน เช่น “เฮ็ลมูท ชมิท” ที่ลงจากตำแหน่งเมื่อปี 2525 ก่อนกลายเป็นผู้ร่วมจัดพิมพ์หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ Die Zeit และนักพูดที่ได้รับความนิยม โดยเมื่อปี 2555 เขาให้สัมภาษณ์ว่า “ผมตั้งกฎของตัวเองขึ้นมาว่า จะไม่บรรยายเพื่อเงินที่น้อยกว่า 15,000 ดอลลาร์”

สำหรับแมร์เคิล มีคำถามว่าเธอกำลังได้รับการติดต่อให้ทำงานในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์หรือไม่ ? จนถึงตอนนี้เธอยังไม่ได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่มีแนวโน้มว่าเธอจะยังคงอยู่ในกรุงเบอร์ลิน เนื่องจาก “โจอาคิม ซาวเออร์” นักเคมีซึ่งเป็นสามีของเธอ ยังไม่คิดจะหยุดทำงานของเขา และชายอายุ 72 ปีผู้นี้ก็ได้รับการต่อสัญญาในฐานะนักวิจัยอาวุโสที่มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน อย่างน้อยจนถึงปีหน้า