คอลัมน์ : Tech Times ผู้เขียน : มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
กระแสรถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังมาแรงโดยเฉพาะในจีน แต่สถิติอุบัติเหตุที่สูงกว่ารถทั่วไปก็ทำให้เจ้าของรถไฟฟ้าต้องจ่ายค่าประกันรถยนต์สูงกว่าชาวบ้าน
เหวินเหวิน เชน จาก S&P Global Ratings บอก CNBC ว่า ค่าประกันรถยนต์ไฟฟ้าในจีนสูงกว่ารถธรรมดาราว 20% สาเหตุหลักมาจากการที่รถไฟฟ้ามีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูงกว่ารถทั่วไปขณะที่ค่าซ่อมอาจแพงกว่าเนื่องจากอะไหล่ยังมีไม่มากพอ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
สอดคล้องกับตัวเลขของทางการจีนที่แสดงออกมาว่ารถไฟฟ้ามีโอกาสที่เกิดอุบัติเหตุจากไฟไหม้กว่ารถปกติ
โดยในไตรมาสแรกปีนี้ Ministry of Emergency Management’s Fire and Rescue Department ของจีน บันทึกสถิติเหตุไฟไหม้บนรถไฟฟ้าไว้ที่ 640 ราย เพิ่มจากปีก่อน 32% เพิ่มมากกว่าค่าเฉลี่ยของรถโดยสารทั่วไปถึง 8.8%
สำหรับจำนวนอุบัติเหตุไฟไหม้บนรถไฟฟ้าตลอดทั้งปี 2021 อยู่ที่ 3,300 ราย แต่ค่าประกันที่เพิ่มขึ้น หรือตัวเลขอุบัติเหตุที่สูงกว่ารถยนต์ทั่วไป ก็ดูจะไม่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคจีนเท่าไรนัก
สาเหตุที่รถไฟฟ้าได้รับความนิยมอย่างมาก มาจากนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ ทั้งขั้นตอนในการออกป้ายทะเบียนที่ง่ายขึ้นไปจนถึงมาตรการลดหย่อนทางภาษี
จากตัวเลขของ China Passenger Car Association ระหว่างเดือนมกราคม-สิงหาคม ปี 2022 ยอดขายรถไฟฟ้าในจีนอยู่ที่ 3.26 ล้านคัน มากกว่าปีก่อนถึง 2 เท่าและมากกว่ายอดขายเฉลี่ยของรถโดยสารทั้งหมด 25% โดยสัดส่วนยอดขายรถไฟฟ้าในปีที่แล้วคิดเป็น 15% ของยอดขายทั้งหมด
ในขณะที่การลดหย่อนภาษีก็ทะลุ 5.9 พันล้านเหรียญไปแล้วในรอบ 7 เดือนที่ผ่านมา โดยเดือนกรกฎาคมเดือนเดียวก็มีการลดหย่อนไปแล้วกว่า 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึงสองเท่า
หากเทียบกับตลาดรถยนต์สหรัฐ จะพบว่า สัดส่วนยอดขายของรถไฟฟ้าอยู่แค่ 11% และแม้ค่าประกันรถไฟฟ้าในสหรัฐ จะสูงกว่ารถทั่วไปราว 15 % สาเหตุก็มาจากการที่รถไฟฟ้าถูกจัดอยู่ในประเภทรถหรูมากกว่ามาจากตัวเลขอุบัติเหตุ เพราะจำนวนอุบัติเหตุของรถไฟฟ้าในสหรัฐนั้น ไม่ได้แตกต่างจากรถไฮบริดและรถสันดาปภายในทั่วไปนัก และอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ค่าประกันสูงกว่ารถทั่วไป คือ การมีจำนวนศูนย์บริการที่ค่อนข้างจำกัด
การส่งเสริมจากภาครัฐทำให้บริษัทรถยนต์ในจีนเดินหน้าผลิตรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ ๆ ออกมาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แม้จะยังไม่มีการศึกษาที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุก็ตาม
เช่น หัวเว่ย ยักษ์สื่อสารของจีน ที่กระโดดเข้าวงการรถไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ก็เร่งเข็นรถไฟฟ้ายี่ห้อ Aito ร่วมกับพันธมิตรอย่าง Seres อย่างแข็งขัน โดยภายในเวลาไม่ถึงปี ก็ส่งรถไฟฟ้าเข้าตลาดไปแล้วถึง 3 รุ่น โดยเป็นรถที่ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS ของหัวเว่ยทั้งหมด ซึ่งรถรุ่นแรกทำยอดขายทะลุ 1 หมื่นคันในเวลาแค่ 87 วัน ถือเป็นการทุบสถิติยอดขายของแบรนด์น้องใหม่ทั้งหมด
ในงานเปิดตัวเมื่อเดือนกรกฎาคมริชาร์ด ยู ซีอีโอ Huawei Consumer Business Group บอกว่า บริษัทสามารถพัฒนา ผลิต และทำการทดสอบความปลอดภัยของรถไฟฟ้าที่ออกใหม่ได้เร็วเป็นประวัติการณ์คือไม่ถึงปี ขณะที่รถทั่วไปต้องใช้เวลาพัฒนาและผลิตราว 2-3 ปี
ซุย ดองซู จาก China Passenger Car Association อธิบายว่า การออกแบบรถยนต์ไฟฟ้ามีความซับซ้อนน้อยกว่ารถทั่วไป เพราะพัฒนาบนแพลตฟอร์ม ทำให้การออกแบบและการทดสอบความปลอดภัยทำได้ค่อนข้างเร็วเทียบกับรถปกติ
จะเห็นว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กระแสความตื่นตัวต่อปัญหาโลกร้อนและความสนใจใคร่ลองเทคโนโลยีใหม่ ๆ ทำให้ตลาดรถไฟฟ้าค่อนข้างคึกคัก แม้แต่ในบ้านเราก็เห็นรถไฟฟ้ามากขึ้น ยิ่งรัฐบาลมีมาตรการอุดหนุนออกมาด้วยก็ยิ่งทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ถึงจะมีข้อดีมากมาย ก่อนซื้อก็ควรพิจารณาปัจจัยอื่นด้วย เช่น ความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุ จำนวนศูนย์บริการ และค่าประกันที่สูงขึ้น จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจภายหลัง