บลูบิค ส่ง 3 บริษัทใหม่ เพิ่มสปีดธุรกิจขยายตลาดต่างประเทศ

บลูบิค โชว์รายได้โต 70% เผยแผนธุรกิจ 3 ปี ชี้ธุรกิจที่ปรึกษา Digital Transformation ยังโตแรง พร้อมเปิด 4 แผนใหม่รองรับ Post Transformation, Moon Shot Tech, ขยายสู่ ตปท., หาพาร์ตเนอร์ร่วมค้า

วันที่ 1 กันยายน 2565 บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BBIK ที่ปรึกษาชั้นนำผู้ให้บริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น แผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ประกอบด้วยกลุ่มบริการด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นและดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Transformation Consulting Services & Digital Platform Portfolio) การควบรวมกิจการ (Mergers and Acquisitions : M&A) และกิจการร่วมค้า (Join Venture : JV)

พร้อมตั้งบริษัทย่อย 3 บริษัท ได้แก่ บลูบิค เน็กซัส, บลูบิค ไททันส์, บลูบิคยูเค เพื่อเจาะตลาดใหม่ให้สามารถนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเป็น Truly End-to-End Digital Transformation Partner

นายพชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจครั้งใหญ่นี้ นอกจากจะทำให้บริการของบริษัท ครอบคลุมทุกแง่มุมของการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ดังนั้นการเติบโตของบริษัท จากนี้ จะมีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากขึ้นโดยเฉพาะในมิติของการสร้างรายได้และการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

“ตั้งแต่เข้าตลาด เราเติบโตอย่างต่อเนื่อง 70% มาตลอดหลายปี จึงมีความคาดหวังจากนักลงทุนและเราเองที่จะรักษาสถานะการเติบโตนี้ไว้ ด้วยกลยุทธ์ที่อธิบายไป”

กลยุทธ์การเติบโตนี้ จะประกอบไปด้วย 4 แผนงานหลัก ดังนี้

1.ขยายธุรกิจบริการหลักให้ครบวงจรเป็น Truly End-to-End Services เพื่อตอบโจทย์ทุกมิติความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นของลูกค้า ซึ่งบริษัทจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพการให้บริการ

นอกจากนี้ นายพชรยังกล่าวอีกด้วยว่า การทำ Digita Transformation ของบริษัทใหญ่ต่าง ๆ ในไทยและต่างประเทศจะตามมาด้วยปัญหาใหม่ คือเรื่องความปลอดภัย ดังนั้น จึงมีการตั้งบริษัทย่อยเพื่อการขยายธุรกิจรูปแบบใหม่โดยเฉพาะในกลุ่มบริการหรือเทรนด์เทคโนโลยีสำคัญหลังจากเปลี่ยนผ่านองค์กรสู่ระบบดิจิทัล (Post Digital Transformation) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและสร้างการเติบโตเชิงรายได้ให้กับบริษัท

ล่าสุดได้มีการขยายบริการที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cyber Security and Solution Implementation Services) เนื่องจากองค์กรธุรกิจเริ่มเห็นความสำคัญในเรื่องการลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ที่ไม่น้อยไปกว่าการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น ฉะนั้นจึงจัดตั้งบริษัท บลูบิค ไททันส์ จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจดังกล่าว

2.ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มที่เป็นเทรนด์แห่งโลกอนาคต เป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจ ผ่านการให้บริการที่เกี่ยวกับดิจิทัลแพลตฟอร์มและไอทีโซลูชั่นที่สามารถรองรับความต้องการและเทรนด์ธุรกิจใหม่ เพื่อปูทางสู่การสร้างรายได้แบบประจำ (Recurring Income) และขยายฐานลูกค้าที่ครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ จึงจัดตั้ง บริษัท บลูบิค เน็กซัส จำกัด เพื่อรุกธุรกิจด้านพัฒนาระบบแพลตฟอร์มดิจิทัลและบล็อกเชนโซลูชั่น (Digital Platform and Blockchain Solutions)

“ในส่วนของเน็กซัสจะเน้นการศึกษาและทดสอบผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีในอนาคต ที่อาจจะมาแรงและเติบโตได้ดี เราเรียกว่า Moon Shot Teccnologies ได้แก่ บล็อกเชน เมตาเวิร์ส อีโมชั่นนอลเอไอ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าทิศทางของการใช้งานเทคโนโลยีในอนาคตเหล่านี้จะเป็นอย่างไร แต่เราต้องทำหากถึงเวลาที่มันบูมขึ้นมาเราจะเสียใจที่ไม่ได้ทำอะไรเลย โดยเราไม่ได้คาดหวังรายได้จากเน็กซัสในเร็วนี้ เราลงุทนเพื่อเตรียมการไว้และทำเพื่อให้เราสามารถให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าที่สนใจในเทคโนโลยีดังกล่าว” นายพชรกล่าว

3.ขยายธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่เจริญแล้ว เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญของบริษัท เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศมีขนาดใหญ่และมีความต้องการในการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนการรุกตลาดต่างประเทศนี้ บริษัทจะใช้จุดแข็งด้านศักยภาพของบุคลากรไอทีผนวกกับข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการให้บริการที่สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก ซึ่งล่าสุดมีการขยายธุรกิจบริการด้านพัฒนาระบบดิจิทัลและให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยี (Digital Excellence and Delivery) ไปยังตลาดยุโรป ผ่านการจัดตั้ง บริษัท บลูบิค (สหราชอาณาจักร) จำกัด ที่ประเทศสหราชอาณาจักร และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งบริษัทย่อยในต่างประเทศเพิ่มเติม

“บลูบิคเป็นโกบอลคัมปะนี เราต้องมองตลาดสองส่วน คือ ตลาดในประเทศที่เจริญแล้วต้องการดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นอยู่ในระดับสูง เรามีบุคลากรที่พร้อมและสามารถแข่งขันด้านราคาได้ อีกส่วนคือ ตลาดประเทศ Emerging Market ส่วนนี้เรายังใช้รูปแบบดั้งเดิมของเราคือการมุ่งเน้นเป็นพันธมิตรที่ดี ที่สามารถร่วมลงทุน ร่วมพัฒนา เพื่อเติบโตไปพร้อมกับบริษัทของลูกค้าในประเทศนั้น” นายพชรกล่าว

4.สร้างการเติบโตผ่านการควบรวมกิจการ (M&A) และกิจการร่วมค้า (JV) มากยิ่งขึ้น โดยบริษัทจะโฟกัสการลงทุนร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งและเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่สามารถต่อยอดด้านบริการและธุรกิจ (Synergy)

ซึ่งแผนการเติบโตนี้ยังเป็นกลไกสำคัญที่สนับสนุนแผนงานอื่นที่ได้กล่าวมาข้างต้นและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจกับพันธมิตรในอนาคตเพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดร่วมกัน ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนจัดตั้ง บริษัท ออร์บิท ดิจิทัล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบลูบิค และบริษัท ปตท. นำ้มันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เมื่อปีที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน การเป็น “Truly End-to-End Digital Transformation Partner” ถือเป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจของบลูบิค โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่องค์กรธุรกิจไทยและต่างประเทศท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

ด้วยเหตุนี้บลูบิคจึงไม่หยุดพัฒนาบริการ สรรหาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถพลิกโฉมทางธุรกิจ สร้างคุณค่าและประสบการณ์ที่ดีตลอดจนสร้างรายได้และกำไรได้อย่างต่อเนื่องในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้ในที่สุด

นอกจากนี้ บริษัทได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 70% ซึ่งขณะนี้ บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้จากแบ็กล็อก (Backlog) สะสมแล้ว 448 ล้านบาทโดยจะมียอดรับรู้รายได้ของปีนี้ถึง 226 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2565 บลูบิคมีรายได้รวม 243.19 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า (YOY) ที่มีรายได้ 126.9 ล้านบาท หรือเติบโต 92% และมีกำไรสุทธิ 30 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 105% โดยมีสัดส่วนการรับรู้รายได้แบบประจำ (Recurring Income) ราว 46% ของรายได้รวม ในขณะเดียวกันผลประกอบการรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 303 ล้านบาท

ขณะที่สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ อยู่ที่ 10-15% ในปีที่ผ่านมา และบลูบิคดำเนินการขยายตามแผนธุรกิจที่กล่าวมาเพื่อขยายรายได้จากต่างประเทศให้มีสัดส่วน 20% ภายในระยะเวลา 3 ปี