กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์
หมายเหตุ : อัตชีวประวัติ เจ้าสัวบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา แห่งเครือสหพัฒน์ ผ่านการสัมภาษณ์ และตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Nikkei ในคอลัมน์ Watashi no Rirekisho ชื่อเรื่อง My Personal History ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย ในคอลัมน์ “กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์” ติดตามอ่านได้ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ และทางเว็บไซต์ www.prachachat.net
- อย. เตือนอย่าซื้อผลิตภัณฑ์ CDS มาทาน อันตรายถึงชีวิต
- ดัน “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จับตาย้าย “ท่าเรือคลองเตย”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
ตอนที่ 18 ก้าวออกจากเมือง
สู่การสร้างสวนอุตสาหกรรมทั่วประเทศ
สร้างสวนสาธารณะและโรงเรียนโดยรอบ
ในทศวรรษ 2510 โรงงานในประเทศไทยกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ การเติบโตทางเศรษฐกิจนำพามาซึ่งการขยายตัวของโรงงานหลายแห่ง แต่ยังไม่มีการวางผังเมืองและการจัดระเบียบที่เหมาะสม ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในโรงงานและพื้นที่โดยรอบ เกิดความแออัดและเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม
ที่ประเทศญี่ปุ่น หลายบริษัทมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่โตเกียว แต่โรงงานตั้งอยู่ต่างจังหวัด ถ้ามองในมุมของการสรรหาแรงงาน ก็เป็นเรื่องปกติที่ไทยเองควรจะมีฐานการผลิตตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “เน้นการพัฒนาภูมิภาค” ในปี พ.ศ. 2514 ที่ระบุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 3 ซึ่งเป็นแผนระยะ 5 ปี
ความตั้งใจที่จะสร้างนิคมอุตสาหกรรม เกิดขึ้น เพราะฉันเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมการผลิตของญี่ปุ่นจะเร่งขยายธุรกิจมาสู่ประเทศไทย และด้วยการก่อตั้งบริษัทโฮลดิ้ง เพื่อให้ช่องทางการติดต่อประสานงานเป็นหนึ่งเดียว และการหาที่ดินเตรียมสร้างโรงงานไว้ให้เรียบร้อย จะช่วยให้การเจรจาสำเร็จรวดเร็วยิ่งขึ้น
พ่อของฉันไม่ได้คัดค้าน แต่ก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามด้วย เนื่องจากกังวลเรื่องการจัดการเงินทุน ซึ่งเครือสหพัฒน์ในขณะนั้นมีเงินทุนน้อย และต้องอาศัยเงินกู้จากธนาคารเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ดังนั้นจึงได้อธิบายไปว่าไม่ใช่การลงทุนทั้งหมดในคราวเดียว แต่จะค่อย ๆ ก่อสร้างไป
คุณพ่อจึงเห็นด้วยในที่สุด
เริ่มจากการหาที่ดิน ตัวเลือกแรกที่เจอคือ จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ปากแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีข้อดีคือ ห่างจากกรุงเทพฯเพียง 20 กม.เท่านั้น แต่พื้นดินอ่อน และไม่เหมาะที่จะทำนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งภายหลังที่ดินผืนนั้นกลายเป็นฟาร์มกุ้ง
พื้นที่ต่อไปที่ฉันเจอคือ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ห่างจากกรุงเทพฯไปประมาณ 120 กม.ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ ฉันไปดูที่ดินกับณรงค์ น้องชาย ในสมัยนั้นยังไม่มีทางด่วน ฉันยังจำได้แม่นว่า ต้องวิ่งผ่านถนนแคบ ๆ ที่เป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งใช้เวลามากพอสมควร แต่ปัจจุบันขับรถจากกรุงเทพฯ จะใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ที่ดินที่หมายตาไว้เป็นไร่อ้อย ซึ่งในขณะนั้นถือครองโดยธนาคารกรุงไทยที่มีรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อยู่ใกล้ท่าเรือ มีพื้นดินที่แข็งและเป็นพื้นที่สูง ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วม ที่นี่แหละ…ใช่เลย จากนั้นฉันก็เริ่มดำเนินงานตามแผนที่วางไว้
ฉันไม่ได้ย้ายฐานการผลิตทั้งหมดจากกรุงเทพฯในทันที แต่ให้ศรีราชาเป็นฐานเพิ่มกำลังการผลิต จริงอยู่ว่าไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำท่วม แต่ก็หมายความว่าอาจมีปัญหาน้ำไม่เพียงพอ ฉันจึงเน้นโรงงานผลิตภัณฑ์ประเภทที่ใช้น้ำไม่มาก เช่น โรงงานผลิตรองเท้า โรงงานสินค้าอุปโภค โรงงานผลิตชุดชั้นใน โรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งแน่นอนที่เราค่อย ๆ สร้างขึ้นทีละแห่ง
การทำความเข้าใจกับคนท้องถิ่นเป็นเรื่องยากยิ่งกว่า ตอนนั้นศรีราชาเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม และประมงที่เงียบสงบ ส่วนอุตสาหกรรมมีเพียงโรงกลั่นน้ำมันเท่านั้น คนท้องถิ่นยังไม่ไว้ใจพวกเราที่มาจากกรุงเทพฯ ฉันพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะอธิบายว่า “เมื่อลูก ๆ ของคุณโตเป็นผู้ใหญ่ จะมีสถานที่ให้ทำงานเพิ่มมากขึ้น”
เป็นเรื่องปกติที่ต้องจัดการระบบน้ำเสีย และฝุ่นควัน ไม่ให้รบกวนคนในพื้นที่ แต่เราก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง โดยเราให้ความสำคัญกับการอยู่ร่วมกันกับชุมชนท้องถิ่น ฉะนั้น แทนที่จะแยกพื้นที่ของเราออกจากบริเวณโดยรอบ เราค่อย ๆ สร้างสวนสาธารณะ ตลาด โรงเรียน ร้านค้า
สำหรับจำหน่ายสินค้าที่ผลิตขึ้น ฯลฯ โดยมุ่งเป้าไปให้คนในท้องถิ่นสามารถเข้ามาใช้สถานที่ได้ นั่นคือที่มาของการเรียกว่า “สวนอุตสาหกรรม”
สวนอุตสาหกรรมศรีราชา เริ่มต้นที่ 80 เฮกตาร์ (ประมาณ 500 ไร่) ตอนนี้ขยายเป็น 288 เฮกตาร์ (ประมาณ 1,800 ไร่) หากจะเทียบให้เห็นภาพพื้นที่ทั้งหมดคงใหญ่ประมาณโตเกียวโดมสัก 60 สนาม ปัจจุบันมีประมาณ 60 บริษัท และ 90% เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างเครือสหพัฒน์ กับบริษัทญี่ปุ่น และมีชาวญี่ปุ่นประมาณ 6,000 คน อาศัยอยู่ที่ศรีราชา
หลังจากนั้น จึงมีการสร้างสวนอุตสาหกรรมเพิ่มอีกหลายแห่ง ได้แก่ อำเภอกบินทร์บุรีทางภาคตะวันออก จังหวัดลำพูนใกล้เชียงใหม่ทางภาคเหนือ และอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ติดแนวชายแดนพม่า นอกจากกลุ่มบริษัทในเครือที่จะย้ายเข้ามาแล้ว เราก็ยังขายที่ดินให้บริษัทนอกเครือเข้ามาสร้างโรงงานด้วย
ในประเทศไทย มีกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่จำนวนมาก ถ้าไม่นับรวมบริษัทที่ทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะแล้ว เครือสหพัฒน์เท่านั้นที่มีการบริหารสวนอุตสาหกรรมของตัวเอง เพื่อให้บริษัทในเครือได้ใช้ประโยชน์ กล่าวได้ว่าเป็นข้อแตกต่างสำคัญของเราเลยก็ว่าได้
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 1-2
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 3-4
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 5-6
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 7
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 8
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 9-10
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 11
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 12-13
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 14
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 15-16
-
กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 17