กว่าจะเป๋นเจ้าสัวสหพัฒน์
หมายเหตุ : อัตชีวประวัติ เจ้าสัวบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา แห่งเครือสหพัฒน์ ผ่านการสัมภาษณ์ และตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Nikkei ในคอลัมน์ Watashi no Rirekisho ชื่อเรื่อง My Personal History ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย ในคอลัมน์ “กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์” ติดตามอ่านได้ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ และทางเว็บไซต์ www.prachachat.net
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ขาลงยางพารา ราคาร่วงฉุดไม่อยู่ 10 วันราคาตกลงไปแล้ว 7 บาทกว่า
ตอนที่ 26 แรงผลักดันด้านการศึกษา
โรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่มีนักเรียนกว่า 30,000 คน
โรงเรียนเฉพาะทางสำหรับดีไซเนอร์
จากการที่ฉันและเครือสหพัฒน์สานสัมพันธ์กับญี่ปุ่นอย่างแน่นแฟ้นจนมาถึงจุดนี้ ฉันจึงอยากให้คนไทยได้รู้จักประเทศญี่ปุ่นมากขึ้น และฉันคิดว่าการศึกษาก็เป็นหนึ่งในหลายสิ่งที่ควรทำ เพื่อตอกย้ำการเป็นสะพานเชื่อมธุรกิจระหว่างไทยและญี่ปุ่น
จุดเริ่มต้นคือ ช่วงกลางทศวรรษ พ.ศ. 2530 ฉันมีแผนพัฒนาที่ดินที่เรามีอยู่ขนาด 3.2 ตร.กม.ที่ศรีราชา ในภาคตะวันออกที่เราได้เริ่มพัฒนาสวนอุตสาหกรรมไปแล้ว ฉันคิดว่าเราควรเชิญโรงเรียนนานาชาติมาเปิด เนื่องจากในขณะนั้นประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติน้อยมาก
ครั้งแรกฉันติดต่อไปที่มหาวิทยาลัยเอกชน Keio โดยผ่านกรรมการของบริษัทไลอ้อนที่สนิทสนมกันแต่ถูกปฏิเสธ ต่อมาฉันได้ไปพบอธิการบดี ทาคายาสุ โอคุชิมะ แห่งมหาวิทยาลัย Waseda ซึ่งผ่านการแนะนำจาก Wacoal และในเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2540 คุณโอคุชิมะ
บินมาประเทศไทย เราจึงได้พาไปดูสถานที่ แต่ทว่า 3 เดือนต่อมาวิกฤตการณ์สกุลเงินเอเชียได้ปะทุขึ้น เรื่องการสร้างโรงเรียนจึงหยุดไป
เราเริ่มติดต่ออีกครั้งในปี พ.ศ. 2545 ฉันยื่นข้อเสนอไปให้อธิการบดีคนใหม่ คัตสึฮิโกะ ชิราอิ แต่จังหวะไม่ดี วาเซดะเพิ่งลงทุนกับโรงเรียนมัธยมเอกชนญี่ปุ่นในสิงคโปร์และตั้งให้เป็นโรงเรียนสาขา หลังจากหารือกันแล้วจึงตัดสินใจว่าจะสร้างเป็นโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่น เราจึงก่อตั้งบริษัทร่วมทุนโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรมญี่ปุ่น “วาเซดะ เอ็ดดูเคชั่น (ประเทศไทย)” ขึ้น โดยมีสำนักงานตั้งอยู่
ใจกลางกรุงเทพฯ
ในเวลานั้นประเทศไทยยังขาดโรงเรียนที่นักเรียนสามารถเรียนภาษาญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ฉันอยากที่จะสร้างสถานที่แบบนั้นให้กับเด็กไทย ฝ่ายวาเซดะที่ให้ความร่วมมือในการจัดหลักสูตรและจัดส่งครู ก็มีเป้าหมายที่จะสานสัมพันธ์กับกลุ่มนักเรียนไทย เพื่อไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน ซึ่งขณะนั้นหากจะเดินทางไปญี่ปุ่นยุ่งยาก ยังจำเป็นต้องขอวีซ่า
ด้วยมาตรฐานการเรียนภาษาญี่ปุ่นของเราสูงมาก ทำให้มีนักเรียนมาสมัครน้อย ฉันให้กำลังใจอาจารย์โดยบอกว่า “อย่ากังวลเรื่องขาดทุน ขอให้อาจารย์ให้การศึกษาที่มีคุณภาพก็พอแล้ว”
แทนที่จะลดค่าเล่าเรียนเพื่อเพิ่มจำนวนนักเรียน ในทางกลับกันเรากำหนดค่าเรียนให้สูงและเลือกผู้ที่มีความตั้งใจจริง ๆ จุดมุ่งหมายคือ “เรียนรู้ภาษาญี่ปุ่นได้มากกว่าไปเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น” ลูก ๆ ของฉันเองก็เรียนภาษาญี่ปุ่นที่นี่ด้วยเช่นกัน
โรงเรียนเริ่มมีชื่อเสียงและได้รับความนิยมมากขึ้น จึงเปิดสาขาที่ศรีราชาในปี พ.ศ. 2554 และที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ. 2558 มีครูชาวญี่ปุ่นมากกว่า 20 คน และก่อนการระบาดของไวรัสโคโรนาเรามีนักเรียนประมาณ 1,000 คน จนถึงปัจจุบันเราได้ผลิตบุคลากรที่รู้ภาษาญี่ปุ่นไปมากกว่า 30,000 คน
ในปี พ.ศ. 2548 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะสร้างดีไซเนอร์ชาวไทย ฉันจึงจัดตั้งโรงเรียนด้านแฟชั่นร่วมกับโรงเรียนเฉพาะทางที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่นคือ Bunka Fashion College ขึ้นในกรุงเทพฯในฐานะโรงเรียนสาขาต่างประเทศ หรือจะเรียกว่าเป็นแฟรนไชส์ก็ได้ โรงเรียนที่ก่อตั้งนี้เครือสหพัฒน์เป็นผู้ลงทุนทั้งหมด ในขณะที่ทาง Bunka Fashion College เป็นผู้กำหนดหลักสูตรและรับคุณครูชาวไทยไปฝึกอบรมที่ประเทศญี่ปุ่น
หากถามว่าทำไมถึงเป็นโรงเรียนจากญี่ปุ่น ไม่ใช่อิตาลีหรือฝรั่งเศสซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดแฟชั่น นั่นเป็นเพราะสายสัมพันธ์กับผู้ร่วมทุนของเรานั่นเอง ฉันได้รับข้อเสนอแนะจาก Itokin บริษัทเครื่องแต่งกายรายใหญ่ว่า “หากจะยกระดับอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย จะต้องเริ่มจากการให้การศึกษากับคนด้วย” ซึ่งฉันก็เห็นด้วย และด้วยความพยายามของเรา เราจึงสามารถเชื้อเชิญโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่ผลิตนักออกแบบระดับโลกมากมาย เช่น Yohji Yamamoto และ Kenzo Takada มาได้
ประเทศไทยในขณะนั้น วิชาการออกแบบแฟชั่นมีสอนในมหาวิทยาลัยบางแห่งเท่านั้น หากอยากศึกษาแฟชั่นอย่างจริงจังต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ การเข้ามาของ Bunka Fashion College เปิดประตูให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากที่สนใจงานออกแบบ เทคโนโลยีแพตเทิร์นกระดาษแบบญี่ปุ่นนั้นมีข้อดีคือ สามารถนำไปใช้กับคนไทยที่มีรูปร่างใกล้เคียงกันได้ทันที
หลายคนเรียนรู้พื้นฐานในกรุงเทพฯ และไปศึกษาต่อที่โรงเรียนหลักในโยโยงิ กรุงโตเกียว ตั้งแต่เปิดโรงเรียนมา 16 ปี มีผู้เรียนจบไปแล้วเกือบ 10,000 คน ฉันรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในโลกแฟชั่นของไทย
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 1-2
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 3-4
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 5-6
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 7
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 8
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 9-10
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 11
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 12-13
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 14
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 15-16
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 17
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 18
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 19-20
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 21
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 22
- กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 23-24
-
กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 25