กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์ ประวัติ บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ตอนที่ 25

กว่าจะเป็นเจ้าสัว

 

หมายเหตุ : อัตชีวประวัติ เจ้าสัวบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา แห่งเครือสหพัฒน์ ผ่านการสัมภาษณ์ และตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ Nikkei ในคอลัมน์ Watashi no Rirekisho ชื่อเรื่อง My Personal History ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2564 ตีพิมพ์เป็นภาษาไทย ในคอลัมน์ “กว่าจะเป็นเจ้าสัวสหพัฒน์” ติดตามอ่านได้ใน นสพ.ประชาชาติธุรกิจ และทางเว็บไซต์ www.prachachat.net

 

บทที่ 25 สองผู้ร่วมอุดมการณ์

จุดยืนที่สะท้อนความไม่รีบเร่งในผลลัพธ์

เข้าอกเข้าใจความยากลำบากของผู้บริหาร

การที่ฉันได้รู้จักกับเจ้าของธุรกิจชาวญี่ปุ่นจำนวนมากจากการร่วมทุนและความร่วมมือกัน ฉันคิดว่า คุณทาดาโอะ โยชิดะ จาก YKK คุณโทระจิโระ และ คุณอัตสึชิ โคบายาชิ จากไลอ้อน และ คุณโคอิจิ สึคาโมะโตะ จาก Wacoal เป็นเสมือน “ครูของการบริหารธุรกิจ” แต่วันนี้ฉันขอแนะนำผู้มีแนวคิดการบริหารที่น่าประทับใจอีกสองคน

คนหนึ่งคือ คุณยูอิจิ นากาจิมะ ซึ่งเป็นประธานของคิวพี เมื่อฉันเริ่มบริษัทร่วมทุนในปี พ.ศ. 2530 ฉันพบเขาครั้งแรกเมื่อไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ในโตเกียว เขาอายุมากกว่าฉัน 16 ปี ในขณะนั้นเขาอายุ 66 ปี เขาเป็นสุภาพบุรุษที่ดูสุขุม แม้พวกเราจะไม่ได้พูดคุยกันมากนัก แต่ทุกคำพูดที่เราแลกเปลี่ยนกันล้วนมีความหมาย

เขาชอบประเทศไทยและมาประชุมผู้ถือหุ้นเป็นประจำทุกปี ในปี พ.ศ. 2542 ซึ่งตรงกับ Heisei ปีที่ 11 เดือน 11 วันที่ 11 ซึ่งเป็น “วันคู่” ของญี่ปุ่น คุณยูอิจิอุตส่าห์มาร่วมงานแต่งงานของหลานสาวของฉันซึ่งเป็นลูกสาวของบุญเกียรติ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งประธานของบริษัทที่ร่วมทุนกัน

เขามีความสนใจในอาหารไทยเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผักชีที่มีกลิ่นอันโดดเด่น เขาทำให้คนไทยประหลาดใจอยู่บ่อยครั้งด้วยการขอเติมผักชี ทั้งเขาและฉันเป็นบุตรชายของผู้ก่อตั้งบริษัทเหมือนกัน จึงมีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกัน เช่น การเข้าบริหารธุรกิจของครอบครัว เมื่อเขาเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2551 ฉันได้ไปร่วมงานศพที่โตเกียวและได้กล่าวคำอำลากับเขา

ฉันเคยกินมายองเนสคิวพีบ่อย ๆ ตอนทำงานอยู่ที่โอซากา แต่ทว่า สมัยนั้นประเทศไทยยังไม่มีความคุ้นเคยกับอาหารตะวันตก และแทบจะไม่มีใครรู้จักมายองเนสเลยด้วยซ้ำ ระหว่างนั้นเอง ฉันก็ได้ติดต่อเจรจาเรื่องเปิดบริษัทร่วมทุน โดยผ่านเจ้าหน้าที่จัดซื้อของบริษัทที่เดินทางมาประเทศไทยเพื่อซื้อวัตถุดิบ

เรื่องที่น่าชื่นชมของคุณนากาจิมะคือ เขาไม่รีบเร่งในผลลัพธ์ ช่วงแรกเริ่มในญี่ปุ่นก็เป็นเหมือนกัน ฉันต้องอดทนรอให้มายองเนสเป็นที่รู้จักแพร่หลาย ดังนั้น การดำเนินงานของบริษัทร่วมทุน จึงเริ่มต้นจากการรับผลิตสินค้าตามสั่งอื่น ๆ หลากหลายผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศที่ใช้ในแมคโดนัลด์ สลัดโคลสลอว์สำหรับ KFC เครื่องปรุง เช่น โชยุ และซอส เป็นต้น ด้วยความอดทน

ในที่สุด มายองเนสก็ได้มาอยู่บนโต๊ะอาหารของคนไทย และคิวพีก็เติบโตเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง

อีกคนหนึ่งคือ คุณมาโคโตะ อีดะ ผู้ก่อตั้ง SECOM เขาแก่กว่าฉันเพียง 4 ปี แทบจะเรียกว่าเป็นคนรุ่นเดียวกันเลยก็ว่าได้ คนที่ทำให้เราได้เจอกันคือคุณสึคาโมะโตะ เจ้าของบริษัท Wacoal ในปี พ.ศ. 2530 เขามาประเทศไทยในฐานะประธานหอการค้าและอุตสาหกรรมเกียวโต พร้อมกับคณะสำรวจตลาด และได้บอกกับฉันว่า “มีบุคคลที่น่าสนใจมาด้วย” ต้องการแนะนำให้ฉันรู้จัก

ในขณะนั้น SEcom เรียกได้ว่าเป็นบริษัทสตาร์ตอัพ คุณอีดะมีรูปร่างสูงใหญ่พอ ๆ กับฉันที่สูง 183 ซม.เลยทีเดียว เขาอธิบายธุรกิจ “ระบบรักษาความปลอดภัย” ด้วยคำบรรยายที่เฉียบคม ฉันรู้สึกประหลาดใจกับแนวคิดใหม่ของการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปกติต้องใช้มนุษย์ แต่เขาจะเปลี่ยนไปใช้คอมพิวเตอร์แทน

วลีที่ว่า “SECOM เป็นธุรกิจที่มีรันเวย์ยาว” นั้นโดนใจฉันมากในฐานะคนรักเครื่องบิน แม้จะมีหมายความว่าต้องใช้เวลานานในการทำกำไร แต่ตอนนั้น ฉันอายุ 50 ปีพอดี ฉันอยากที่จะลองทำธุรกิจใหม่ที่ยากแต่คุ้มค่า ฉันจึงเป็นฝ่ายไปขอเจรจา และเริ่มจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในปี พ.ศ. 2531

ตามที่คุณอีดะได้พูดไว้ รันเวย์นั้นยาวจริง ๆ ตั้งแต่เริ่มธุรกิจมาบริษัทเพิ่งจะทำกำไรใน 10 ปีให้หลังนี้เอง อย่างไรก็ตาม นี่เป็นธุรกิจที่มีความหมายมากสำหรับเราที่เคยขายแต่สินค้า ทำให้เราได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่ธุรกิจงานบริการ

คุณอีดะชอบอาหารรสจัดแต่เขาก็ไม่ได้มาเมืองไทยบ่อยนัก หากฉันไปญี่ปุ่นเมื่อไหร่เขาก็จะหาเวลามาพบกันให้ได้ ปีหลัง ๆ มานี้เราไม่ได้คุยเรื่องงานนัก เพียงแค่ได้เห็นหน้าและจับมือกันก็นับเป็นเวลาที่สำคัญมากสำหรับฉัน