
TRUE ปะทะ AIS ก้าวต่อไปหลังควบรวมกิจการ ‘บล.อินโนเวสท์ เอกซ์’ ชี้กำไรไตรมาส 1/66 บวก แต่อัพไซด์ ARPU ระยะสั้นมีน้อย-ประหยัดต้นทุนได้จำกัดช่วง 3 ปีแรก คาดปี 2566 พลิกมีกำไร 3.1 พันล้านบาท จับตาแผนธุรกิจที่ยังไม่ชัดเจน อาจเป็นได้ทั้งปัจจัยบวกและลบ ถ้ามูลค่า synergy น้อยกว่า 1.04 แสนล้านบาท เอฟเฟ็กต์ราคาหุ้น
วันที่ 4 มีนาคม 2566 นายกิตติสร พฤติภัทร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX รายงานว่า หลังจากควบรวมกิจการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) บริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) กับ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC)
- เปิดประวัติ “กุลยา ตันติเตมิท” อธิบดีสรรพากรหญิง คนแรกของประเทศไทย
- กรมอุตุฯ เปิดชื่อพายุลูกใหม่ โซนร้อน “โคอินุ” (KOINU) พายุลูกที่ 14
- ธนาคารโลกหั่นคาดการณ์เศรษฐกิจไทย เวียดนาม และหลายประเทศในอาเซียน
ผู้ใช้บริการมือถือ 55 ล้านราย เบอร์ 1
มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 55 ล้านราย และรายได้จากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่จำนวน 1.33 แสนล้านบาท อ้างอิงกับปี 2565 ทำให้ TRUE กลายเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ที่สุดในแง่ของจำนวนผู้ใช้บริการและรายได้
สำหรับคลื่นความถี่ในการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่นั้น TRUE มีคลื่นรวม 1,250MHz เทียบกับ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่มี 1,375MHz
โดยแนวโน้มธุรกิจเราเชื่อว่า TRUE มีโอกาสเพิ่มความสามารถในการทำกำไรได้หลังจากควบรวมกิจการ แม้ว่าจะต้องใช้เวลา โดยมีสาเหตุมาจากมาตรการเยียวยาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
EBITDA margin ของ TRUE ยังต่ำกว่า ADVANC ในขณะที่จำนวนผู้ใช้บริการสูงกว่า ในแง่อัพไซด์ของรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (Average Revenue Per User: ARPU) หลังจากที่อุตสาหกรรมจะมีผู้เล่นหลักในกลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียง 2 ราย (TRUE และ ADVANC) ยังต้องติดตามกันต่อไป เนื่องจากเราเชื่อว่า กสทช. น่าจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
มุมมองเชิงบวก | มุมมองเชิงลบ |
|
|
|
|
|
กำไรไตรมาส 1/66 บวก
โดยปัจจัยกระตุ้นสำคัญคือแนวโน้มผลประกอบการช่วงไตรมาส 1/2566 จะปรับตัวดีขึ้นเทียบจากไตรมาสก่อนหน้า (QOQ) และเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) เรามองว่าผลประกอบการที่ดีขึ้นได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง และรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่แข็งแกร่งขึ้น
ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องจับตาในปี 2566 คือ แผนธุรกิจหลังควบรวมกิจการ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งปัจจัยบวกและลบ ถ้ามูลค่า synergy ที่อาจเกิดขึ้นน้อยกว่า 1.04 แสนล้านบาท จะเป็นลบต่อราคาหุ้นในมุมมองของเรา
ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลง 1ppt ในรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะกระทบกำไรประมาณ 20% และมีผลกระทบต่อราคาเป้าหมายที่ 0.5 บาทต่อหุ้น
รอแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ในส่วนมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 55% หรือกว่า 1.04 แสนล้านบาท นับตั้งแต่มีข่าวเกี่ยวกับการควบรวมกิจการในเดือน พ.ย.2564 โดยมูลค่าหุ้น (valuation) ในปัจจุบันอยู่ที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PE) ที่ 94.2 เท่า และ EV/EBITDA ที่ 5.9 เท่า ในปี 2566 เทียบกับ PE ที่ 21.9 เท่า และ EV/EBITDA ที่ 7.1 เท่า สำหรับ ADVANC
เรามองว่ามูลค่าหุ้นระยะสั้นของ TRUE ตึงตัว เนื่องจาก synergy ด้านต้นทุนมีจำกัดในช่วง 3 ปีแรก ดังนั้นเราจึงให้คำแนะนำเชิง tactical ที่ “ถือ” ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 9.5 บาท
ทั้งนี้หากต้องการให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น ผู้บริหารจะต้องทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่ามูลค่า synergy ที่คาดหวังจะสูงกว่า 1.04 แสนล้านบาท นับถึงปัจจุบัน TRUE ยังไม่ได้กำหนดวันที่จะประกาศแผนธุรกิจของบริษัทฯ
โดยเราได้ตัวเลขนี้มาจากการคำนวณต้นทุนที่ประหยัดได้ต่อปี ที่จะทำให้มูลค่าปัจจุบันเท่ากับ 1.04 แสนล้านบาท สมมติฐานของเราอิงกับระยะเวลาดำเนินงาน 13 ปี ซึ่งเป็นจำนวนปีที่เหลือของใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
หากเรารวมมูลค่า synergy ที่ 1.14 หมื่นล้านบาท เข้ามาใน EBITDA ของ TRUE ในปี 2566 ทำให้ EBITDA margin จะอยู่ที่ 49.8% เทียบกับ 48.1% สำหรับ ADVANC เราแนะนำให้นักลงทุนจับตาดูแผนธุรกิจว่า synergy ที่อาจเกิดขึ้นจะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้หรือไม่
ประหยัดต้นทุนได้จำกัดช่วง 3 ปีแรก
โดยต้นทุนที่มีแนวโน้มประหยัดได้จะอยู่ในส่วนของค่าใช้จ่ายการตลาดในช่วง 3 ปีแรก เราประเมินได้ว่าค่าใช้จ่ายการตลาดต่อยอดขายจะลดลงจาก 8.6% ในปี 2565 สู่ 8.2% ในปี 2566 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อยอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นจาก 11.2% สู่ 11.6% จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมธุรกิจ
โดยรวมแล้วเราคาดว่าค่าใช้จ่าย SG&A ต่อยอดขายจะอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YOY) ที่ 19.8% เราเชื่อว่า TRUE จะประหยัดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากมาตรการเยียวยาจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ระบุว่าทั้งสองบริษัทจะต้องแยกแบรนด์ออกจากกันและไม่ลดจำนวนระบบสื่อสัญญาณ (cell sites)
อัพไซด์ ARPU ระยะสั้นมีน้อย
ในทางทฤษฎีจำนวนผู้ให้บริการที่ลดลงน่าจะทำให้ภาพรวมการแข่งขันเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามหนึ่งในมาตรการเยียวยาคือ การกำหนดให้ลดค่าธรรมเนียมบริการเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักลง 12% ภายใน 90 วันหลังจากดีลเสร็จสิ้น แม้ว่า TRUE จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการให้บริการเสียงและข้อมูลแก่ลูกค้าเพิ่ม ในขณะที่คงราคาแพ็กเกจไว้
แต่จะส่งผลกระทบต่อรายได้ระบบเติมเงิน ดังนั้นเราคาดว่าอัพไซด์ของรายได้เฉลี่ยของผู้ให้บริการต่อลูกค้าหนึ่งคน (Average Revenue Per User: ARPU) ในระยะสั้นน่าจะมีจำกัด
ปี 2566 พลิกมีกำไร 3.1 พันล้าน
ทั้งนี้เราคาดว่า ในปี 2566 ทาง TRUE จะรายงานกำไร 3.1 พันล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นจากขาดทุน 5.9 พันล้านบาท ในปี 2565 เนื่องจากจะไม่มีค่าใช้จ่ายครั้งเดียวจำนวน 7 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์เกิดขึ้นอีก และรายได้จะปรับตัวดีขึ้น 4.2% ตามการฟื้นของเศรษฐกิจ
ระวังปัจจัยเสี่ยงและความกังวล ARPU uplift และ synergy ด้านต้นทุนเกิดขึ้นเร็วกว่าและสูงกว่าที่เราคาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลทำให้มูลค่า synergy สูงกว่า 1.04 แสนล้านบาท