5 มิ.ย. 66 วันสิ่งแวดล้อมโลกบางจากฯ ชู “ข้าวลดโลกร้อน” แจกลูกค้า

ข้าวลดโลกร้อน

บางจากฯ ชูจุดเด่นนำ “ข้าวลดโลกร้อน” จากชุมชนสมนาคุณลูกค้า เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก พร้อมรณรงค์ผลกระทบภาวะโลกร้อนและนำเสนอทางเลือกในการบริโภค

วันที่ 1 มิถุนายน 2566 นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับมอบข้าวลดโลกร้อนจำนวน 40 ตัน ที่รับซื้อจากวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ผ่านบริษัท ออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด เพื่อนำมาเป็นสินค้าสมนาคุณแก่ลูกค้าสถานีบริการบางจากที่ร่วมรายการ ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 5-30 มิถุนายน 2566 เนื่องในโอกาสวันสิ่งแวดล้อมโลก 5 มิถุนายน ที่จะถึงนี้

ในการส่งมอบครั้งนี้มีผู้แทนเกษตรกรจากวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ตำบลเดิมบาง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้แก่ นายพีรพันธ์ คอทอง รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.แบนท์ คริสเตียนเซน ที่ปรึกษาทูตฝ่ายอาหารและการเกษตร ในฐานะผู้แทนเอกอัครราชทูตสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีประจำประเทศไทย นายชิษณุชา บุดดาบุญ รองอธิบดีกรมการข้าว นายรพีทัศน์ อุ่นจิตตพันธ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร

รวมถึง ดร.นานา คึนเคล ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการด้านการเกษตรและอาหาร องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ Thailand) และ มิสเตอร์โอเล่ เฮนริกเซน ผู้อำนวยการโครงการ ไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) พร้อมด้วย นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะกรรมการ บริษัท ออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ร่วมเป็นเกียรติในการส่งมอบและสนับสนุนการรณรงค์ในครั้งนี้

“บางจากฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างช่องทางการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ชุมชนมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 โดยคัดสรรผลผลิตจากเกษตรกร และผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ผลิตโดยกลุ่มชุมชนเพื่อนำมาเป็นของสมนาคุณลูกค้า นับว่าเป็นจุดเด่นที่นำผลิตภัณฑ์ชุมชนมาเป็นสื่อกลางเชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตสู่ผู้บริโภค พร้อมสนับสนุนพี่น้องเกษตรกรไทย นอกจากนี้ผลผลิตข้าวลดโลกร้อนยังช่วยรณรงค์เรื่องสภาวะโลกร้อนได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ” นายสมชัยกล่าว

ข้าวลดโลกร้อน เป็นตัวอย่างที่สะท้อนผลสำเร็จของการปรับเปลี่ยนมุมมองและวิถีการทำนาแบบใหม่ของวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่เกษตรสมัยใหม่ ซึ่งได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้การทำนาแบบเปียกสลับแห้งในโครงการไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA-Nationally Appropriate Mitigation Action) ภายใต้ความร่วมมือหลักระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน ประจำประเทศไทย (GIZ Thailand)เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

โดยปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตข้าวรูปแบบใหม่ของชาวนา ใช้ 4 เทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุน คือ 1) การปรับพื้นที่นาด้วยเลเซอร์ให้เรียบเสมอกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเพาะปลูก 2) การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง 3) การใช้ปุ๋ยในปริมาณที่เหมาะสม และ 4) การจัดการฟางและตอซังด้วยน้ำหมักแทนการเผา สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ คือ ก๊าซมีเทน และก๊าซไนตรัสออกไซด์ที่ปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ

จากการวิจัยและติดตามผลของโครงการ ไทยไรซ์ นามา (Thai Rice NAMA) พบว่า การทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ราว 30% เทียบกับวิธีทำนาปกติ จึงเรียกว่า “นาข้าวลดโลกร้อน” ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการบริโภคที่จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทุกภาคส่วน