เกษตรกรนำไม้ยืนต้นเข้าหลักประกันธุรกิจกว่า 1 แสนต้น มูลค่ารวมกว่า 138 ล้าน

เกษตรกรนำไม้ยืนต้นเข้าหลักประกันธุรกิจกว่า 1 แสนต้น มูลค่ารวมกว่า 138 ล้าน

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จับมือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ตั้งมั่นรักษาสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจ และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ล่าสุดมีเข้ามาขอหลักประกัน 1.4 แสนต้น มูลค่ากว่า 138 ล้านบาท

วันที่ 9 มิถุนายน 2566 นายกำแหง กล้าสุคนธ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ตนลงพื้นที่วิสาหกิจชุมชนบ้านถ้ำเสือ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการธนาคารต้นไม้ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และมีเกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงบริเวณใกล้เคียงได้นำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจ

ซึ่งกรม และ ธ.ก.ส. มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ผ่านโครงการนำไม้ยืนต้นที่มีค่ามาเป็นหลักประกันทางธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (LESS) ของ ธ.ก.ส.

ทั้ง 2 โครงการมีจุดมุ่งหมายสำคัญคือ ส่งเสริมให้เกษตรกรสร้างสรรค์ประเทศให้เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อเพิ่มออกซิเจนและโอโซนช่วยให้อากาศสะอาด ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านการปลูกไม้ยืนต้น และปลูกป่า ส่วนผลประโยชน์ที่เกษตรกรได้รับจะแตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ของแต่ละโครงการ

เช่น โครงการหลักประกันทางธุรกิจของกรมจะเน้นที่การส่งเสริมให้เกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้นที่มีค่าบนที่ดินกรรมสิทธิของตนเอง และเมื่อต้องการใช้เงินเพื่อต่อยอดทำธุรกิจหรือดำรงชีวิตประจำวัน ก็สามารถนำไม้ยืนต้นที่ปลูกมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินตามกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ

โดยไม้ยืนต้นที่ปลูกก็ยังคงอยู่บนพื้นที่ของตนเอง เกษตรกรสามารถนำไม้ยืนต้นนั้นไปต่อยอดสร้างรายได้อื่น ๆ เพิ่มขึ้น เช่น เป็นแหล่งผลิตคาร์บอนเครดิตเพื่อให้ภาคอุตสาหกรรมได้ซื้อไปเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามกลไกของตลาดซื้อ-ขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการทำธุรกิจ และสอดรับกับกระแสของโลกอนาคต

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ กรม ธ.ก.ส. และกรรมการธนาคารต้นไม้ ได้ร่วมกันตรวจวัดและประเมินมูลค่าไม้ยืนต้นของเกษตรกรที่แสดงความประสงค์ขอใช้ไม้ยืนต้นเป็นหลักประกันทางธุรกิจ โดยใช้ Application Tree Bank และได้ร่วมกันมอบวงเงินแก่เกษตรกรที่นำไม้ยืนต้นที่มีค่าที่ปลูกบนที่ดินของตนเองมาใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันสินเชื่อ ภายใต้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจจำนวน 5 ราย วงเงินสินเชื่อรวม 623,885 บาท

สำหรับต้นไม้ที่นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ประกอบด้วย มะฮอกกานี สะเดา ตาลโตนด กระท้อน มะม่วงป่า จำปีป่า สัก จามจุรี ฯลฯ รวมทั้งสิ้นจำนวน 403 ต้น ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 มิถุนายน 2566) มีผู้ขอนำไม้ยืนต้นมาจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้วจำนวน 146,860 ต้น มูลค่ารวม 138,048,597.02 บาท เกษตรกรที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร. 0-2547-4944 สายด่วน 1570 www.dbd.go.th และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทุกสาขาทั่วประเทศ”

นายนักรบ อินทรสาลี ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาขาภาคตะวันตก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กล่าวว่า ธ.ก.ส.ได้มีการมอบประกาศเกียรติคุณแก่ธนาคารต้นไม้ 3 ชุมชนที่เข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme : LESS) ของ ธ.ก.ส. ได้แก่

1) ธนาคารต้นไม้บ้านห้วยยางเหนือ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
2) ธนาคารต้นไม้ Aromatic Farm อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี
3) ธนาคารต้นไม้หนองพลับ-ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้ โครงการ LESS จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยกย่องผู้ทำความดีโดยการมอบใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อให้ผู้ดำเนินกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจกได้รับการยอมรับ โดยผ่านกระบวนการวิเคราะห์และประเมินทางเทคนิควิชาการ และนำมาผนวกกับแนวคิดการให้การสนับสนุน (Support) จาก “ผู้ให้” ในภาคองค์กร/ธุรกิจ ไปสู่ “ผู้รับ” ในสังคม/ชุมชน และพร้อมที่จะผลักดันประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตคาร์บอนเครดิตระดับโลกในอนาคต