BPP ทำรายได้ Q1/67 ไปได้ 6,305 ล้าน หลังยอดขายไฟสหรัฐโต 55%

BPP ทำรายได้ไตรมาส 1/67 ไปได้ 6,305 ล้าน โต 88% หลังโรงไฟฟ้าสหรัฐ Temple l และ Temple ll-โรงไฟฟ้าจีนทำรายได้ฉลุยร่วม 4,000 กว่าล้าน

วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2567 มีรายได้รวมจำนวน 6,305 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,822 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 81 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,512 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 318 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

โดยเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple l และ Temple ll ในสหรัฐอเมริกา ผนวกกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined Heat and Power : CHP) และโรงไฟฟ้าซานซีลู่กวง (SLG) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณขายไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงต้นทุนที่ลดลงจากการบริหารต้นทุนที่เข้มงวดและมีประสิทธิภาพ

โรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติ Temple l และ Temple ll ในสหรัฐอเมริกา

นายอิศรา นิโรภาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP กล่าวว่า สำหรับไตรมาส 1/2567 BPP มีผลการดำเนินงานที่ดี ส่วนสำคัญเกิดจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าในสหรัฐและจีน โดยโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple l และ Temple ll ในสหรัฐมีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจำนวน 587.82 จิกะวัตต์ชั่วโมง หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้รับรู้รายได้จำนวน 4,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,811 ล้านบาท จากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม โจวผิง (Combined Heat and Power : CHP) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน

รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมในจีนรับรู้รายได้จำนวน 2,243 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11 ล้านบาทจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลมาจากความต้องการใช้ไฟฟ้าและไอน้ำที่เพิ่มขึ้น

Advertisment

ด้านธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน ซึ่งบริษัทลงทุนผ่านบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage System Solutions : BESS) โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนภายใต้ความร่วมมือระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และเอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ และส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยมากกว่า 20,000 ชุด โดยมีเป้าหมายการผลิตรวม 60,000 ชุดต่อปี

อีกทั้งโรงงานประกอบแบตเตอรี่ดีพี เน็กซ์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของบ้านปู เน็กซ์ และดูราเพาเวอร์ยังได้ผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ชุดแรกให้กับเชิดชัยมอเตอร์เซลส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถบัสรายใหญ่ที่สุดในไทย

รวมถึงล่าสุดบ้านปู เน็กซ์ ยังได้นำเสนอโซลูชั่นพลังงานสะอาดที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนด้วยการเปิดตัวโครงการ “Infinite Cafe Powered by Banpu NEXT” เฟสที่สอง ณ อาคารจามจุรี สแควร์ ในรูปแบบพ็อปอัพคาเฟ่ที่มีระบบโซลาร์รูฟท็อปผลิตไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่กักเก็บไฟฟ้าในตัว ด้านโครงการบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี คาดว่าจะเปิดดำเนินการเต็มรูปแบบในไตรมาส 4 ปีนี้

“BPP ในฐานะผู้ผลิตพลังงานไฟฟ้าคุณภาพระดับสากล ที่ยึดมั่นในการส่งมอบพลังงานที่ยั่งยืน ด้วยจุดยืนในการส่งมอบพลังงานไฟฟ้าคุณภาพสู่สังคม (Powering Society with Quality Megawatts) ยังคงมุ่งสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งไปพร้อมกับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น จากการดำเนินงานที่ผ่านมามีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เราจึงมุ่งหวังที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมั่นคงต่อไป รวมทั้งมุ่งขยายห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

Advertisment

ทั้งนี้ BPP ได้ประเมินการลงทุนในธุรกิจที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงผ่านกลยุทธ์การเติบโตทางธุรกิจใน 4 ด้าน ได้แก่ 1.ขยายการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ CCGT ที่เน้นตลาดในสหรัฐอเมริกา 2.รักษาสมดุลของพอร์ตธุรกิจที่อยู่ในรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าและตลาดไฟฟ้าเสรี 3.ขยายการลงทุนในโครงการ CCUS เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

และ 4.ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานและระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ที่จะช่วยเสริมความมั่นคงในการเปลี่ยนผ่านพลังงานไปสู่ระบบนิเวศการใช้พลังงานที่ยั่งยืน ซึ่งกลยุทธ์เหล่านี้สะท้อนความมุ่งมั่นในการสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอแก่ผู้ถือหุ้น และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน” นายอิศรากล่าว