THRE คาดทั้งปี’61 พลิกกลับมามีกำไรยาก หลังไตรมาสแรกเจอพิษ “เจ้าพระยาฯ” หยุดรับประกัน

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยรับประกันภัยต่อ หรือ THRE เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยต่อรับเติบโตในระดับ 8-10% จากปีก่อนที่มีเบี้ยประกันอยู่ที่ 4,903 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการปรับลดเป้าเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมีเบี้ยประกันเติบโตอยู่ที่ 10-15% เนื่องจากผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 1/61 ที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวมที่ 1,232 ล้านบาท เติบโต 1% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ในขณะที่กำไรจากการรับประกันภัยต่อขาดทุนอยู่ที่ 251 ล้านบาท หดตัวไป 239% และขาดทุนสุทธิที่ 478 ล้านบาท ลดลง 973%

ทั้งนี้ บริษัทได้รับผลกระทบจากการที่บริษัทเข้าไปรับประกันภัยต่อให้กับ บมจ.เจ้าพระยาประกันภัย โดยพอร์ตหลักที่รับประกันเป็นประกันรถยนต์ (Motor) มีเบี้ยประกันภัยประมาณ 300 ล้านบาท คิดเป็น 10% ของเบี้ยรวม ซึ่งทาง คปภ.ได้มีคำสั่งหยุดรับประกันชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค.61 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญเต็มจำนวนของหนี้ค้างชำระสุทธิอยู่ที่ 68 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหากเรียกเก็บเงินจากเจ้าพระยาประกันภัยได้บางส่วนหรือทั้งหมดจะรับรู้กลับมาเป็นกำไรได้

“ปัจจุบันบริษัทได้ดำเนินการเพื่อขอรับเงินตามสัญญาประกันภัยและอยู่ระหว่างรอการอนุมัติการจ่ายเงินจาก คปภ.” นายโอฬารกล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังได้รับผลกระทบจากสัญญาประกันภัยต่อช่วงระยะยาวกับบริษัทรับประกันภัยต่อต่างประเทศที่บริษัทส่งประกันต่อทั้งหมด 9โครงการ พบอัตราค่าสินไหมมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทปรับลดประมาณการส่วนแบ่งกำไรลงเป็น 143 ล้านบาท คาดว่าหลังจากการปรับจะไม่ส่งผลกระทบกับงบการเงินจนครบสัญญาในปี 2562 และการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในหุ้น บมจ.ไทยรีประกันชีวิต ปรับลดลงเป็นจำนวน 98 ล้านบาท รวมถึงกำไรจากการขายหลักทรัพย์ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 52 ล้านบาท และการพิจารณารับรู้ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ของผลขาดทุนสะสมส่วนที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้จนถึงปี 2562 จำนวน 295 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากผลขาดทุนในไตรมาสแรกและการปรับประมาณการตามแผนงานของบริษัท

“บริษัทได้คำนวณค่าใช้จ่ายที่จะส่งผลกระทบในเชิงลบไปตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกทั้งหมดแล้ว และคาดว่าหลังจากนี้บริษัทจะไม่มีการรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ เพิ่มอีก และประเมินว่าตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/61 เป็นต้นไปผลการดำเนินงานของบริษัทจะกลับมาเติบโตเป็นบวกได้ แต่หากประเมินทั้งปีอาจจะพลักกลับเป็นบวกได้ยาก” นายโอฬารกล่าว

Advertisment

นายโอฬารกล่าวว่า ช่วงไตรมาส 2/61 นี้ บริษัทได้เปิดตัวบริการใหม่ “LIVE VDO Claim” แล้วตั้งแต่เดือน เม.ย.61 ที่ผ่านมา โดยใช้งบลงทุนประมาณ 7 หลัก โดยบริการดังกล่าวบริษัทประกันสามารถเข้ามาใช้บริการได้ ซึ่งถือเป็นการลดระยะเวลาในการเคลมที่ลูกค้าสามารถโทรหา Call Center เพื่อเคลมผ่านมือถือได้ทันที ปัจจุบันมี 1 บริษัทประกันภัยขนาดใหญ่ที่มีพอร์ตรับประกันรถยนต์ติดอยู่ใน 10 อันดับแรก เข้ามาเป็นลูกค้าและใช้บริการนี้แล้ว

ขณะที่ธุรกิจในต่างประเทศบริษัทเน้นเข้าไปลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเข้าไปรับประกันภัยต่อแล้วในประเทศกัมพูชา, สปป.ลาว, เวียดนาม ซึ่งเป็นการพัฒนาที่เกี่ยวกับแบงก์แอสชัวรันส์ และได้เข้าไปศึกษาในเมียนร์มาแล้วอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับกฎหมายประกาศออกมาให้เข้าไปลงทุนได้ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะรับรู้รายได้จากต่างประเทศราว 50-60 ล้านบาท และรับรู้อัตรากำไรขั้นต้นที่ 10%

“ปัจจุบันบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างมาเน้นการรับประกันภัยต่อในตลาด PA&H มากขึ้น โดยสัดส่วนขยับมาอยู่ที่ 50% และอีก 50% เป็นการับประกันภัยทรัพย์สิน, รถยนต์, ขนส่งทางทะเล ซึ่งบริษัทมีความสามารถในการรับประกันคิดเป็น 5% ของเงินกองทุนต่อความเสียหายหนึ่งครั้ง” นายโอฬารกล่าว