FWD ปรับตัวโตฝ่าโควิด จับตาก้าวต่อไป ผนึกยานแม่ SCBX

นับได้ว่าทำผลงานได้ค่อนข้างดีแม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 สำหรับบริษัท เอฟดับบลิวดีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ FWD บริษัทประกันชีวิตสัญชาติฮ่องกงที่ควบรวมกิจการกับบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCB Life) ไปเมื่อปี 2562 จนก้าวขึ้นมาครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 2 ในธุรกิจประกันชีวิตไทย

“เดวิด โครูนิช” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร FWD กล่าวว่า แม้อยู่ภายใต้วิกฤตโควิด แต่เบี้ยรับรวมของบริษัทยังเติบโตได้ โดย 10 เดือนแรกปีนี้ มีเบี้ยรับรวมกว่า 68,788 ล้านบาท เติบโต 2.15% เป็นผลมาจากการทำงานร่วมกับคู่ค้าหลักอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) สามารถทำยอดขายได้สูงกว่า 80% ของพอร์ตเบี้ยรวม และครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ของเบี้ยรับรายใหม่ในอุตสาหกรรม คิดเป็นเบี้ยกว่า 2 หมื่นล้านบาท

ขณะเดียวกันความเข้มแข็งของตัวแทนที่สร้างเบี้ยรับเติบโตกว่า 50% สูงสุดในอุตสาหกรรม และมียอดขายผ่านดิจิทัลเติบโตรวดเร็ว เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาดกว่า 43%

“หลังจากที่เราได้ควบรวมกิจการกับ SCB Life เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาใกล้เหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 พอดี นับเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมาก สำหรับเราและทุกธุรกิจ มีหลายอย่างที่เราต้องทำ ทั้งเรื่องการปรับระบบหลังบ้าน เรื่องของคน วัฒนธรรม และการขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยี โดยช่วงที่ผ่านมา เราได้ใช้เงินลงทุนไปค่อนข้างมาก”

โดยในช่วงที่ผ่านมาหลังควบรวมกิจการ โมเดลช่องทางการขายของ FWD ได้ปรับเป็นออนไลน์สู่ออฟไลน์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลด้วยตนเองก่อนตัดสินใจซื้อประกัน ผ่านทั้งช่องทางพาร์ตเนอร์หลักอย่าง SCB ช่องทางตัวแทนที่ปัจจุบันมีอยู่กว่า 4,615 ราย รวมไปถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงมาก”

Advertisment

“เดวิด” กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน FWD ได้ปรับสัดส่วนพอร์ตสินค้าความคุ้มครองชีวิต (protection) เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงยังได้เพิ่มสัดส่วนสินค้าประกันสุขภาพ ประกันชีวิตควบการลงทุน (unit-linked) และประกันบำนาญซึ่งจะเป็นเรือธงในอนาคต โดยตอนนี้พยายามปรับลดสัดส่วนประกันสะสมทรัพย์ที่ยังเป็นพอร์ตใหญ่ให้เหลือน้อยลงไปเรื่อย ๆ

“ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสินค้ายูนิตลิงก์ตัวใหม่ เน้นจ่ายเบี้ยสั้นเป็นตัวแรกในตลาดตอนนี้ และเตรียมออกสินค้าใหม่อีกหนึ่งตัว ซึ่งกำลังทำงานร่วมกับ SCB เราเชื่อว่าเบี้ยประกันของเราจะเติบโตได้ต่อเนื่องในสิ้นปีนี้และในปีหน้า เพราะเราไม่ได้รับผลกระทบโควิดหนัก และ ปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด โดยปรับวิธีการจัดการการทำธุรกิจรองรับ อาทิ เครื่องมือออกแบบสินค้าและเครื่องมือช่วยขายให้กับพนักงานแบงก์และตัวแทนของเรา เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ต่อเนื่องไม่สะดุด”

อย่างไรก็ดี ภาพธุรกิจในปี 2565 โควิดจะยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อธุรกิจ ดังนั้น สิ่งสำคัญ คือ การทำธุรกิจอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการใช้นวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้าโดยเฉพาะ

“เดวิด” กล่าวว่า ในปีหน้าแนวโน้มโปรดักต์ประกันที่จะได้รับความสนใจจากลูกค้า จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก คือ 1.ประกันโรคร้ายแรง ที่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะจะมีโรคอุบัติใหม่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้ประชาชนจะตระหนักเห็นความสำคัญ

Advertisment

2.ความคุ้มครองผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ที่จะสูงขึ้นตามยอดขายประกันสุขภาพ

3.ยูนิตลิงก์ ที่น่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะเป็นเครื่องมือช่วยสร้างความสมดุลเรื่องความคุ้มครองชีวิตกับการลงทุน

และ 4.ประกันบำนาญ ที่จะตอบสนองการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยอย่างเต็มรูปแบบ

“เรากำลังวางแผนกับคู่ค้าหลัก SCB ในการพัฒนาโปรดักต์เพื่อขยายงานร่วมกันในกลุ่ม SCBx”

แม้จะยังไม่เปิดเผยในรายละเอียด แต่ความร่วมมือกับยานแม่ลำใหม่ของกลุ่มไทยพาณิชย์ก็นับได้ว่าน่าจับตาเลยทีเดียว