“ซาบีน่า” รุกหนักขายออนไลน์ ลดคอสต์-กระหน่ำโปรฯปั๊มยอดโค้งท้าย

“ซาบีน่า” รับเทรนด์อีคอมเมิร์ซกระแสแรง เร่งบุกตลาดออนไลน์ อัดแคมเปญสู้พิษโควิด-19 งัดสารพัดมาตรการสู้ เพิ่มสินค้าใหม่-ลดกำลังการผลิต-ลดต้นทุน-พึ่งเวนดิ่้งแมชีน เพิ่มน้ำหนักบุกซีแอลเอ็มวี มั่นใจโค้งท้ายยอดขายดีดกลับ

นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินงานของบริษัทในวัน Opportunity Day ว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา เป็นตัวเร่งให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น

โดยในประเทศไทยมีอัตราการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์มากถึง 30% ส่วนต่างประเทศก็เพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นเพื่อให้สอดรับกับกระแสการซื้อขายที่เปลี่ยนไป โดยในไตรมาสที่ 4 เป็นต้นไป ซาบีน่าจะหันมารุกตลาดออนไลน์มากขึ้น จากเดิมที่ทำอยู่แล้ว

โดยตลาดในประเทศไทยจะเน้นไปที่การขยายการขายไปในแพลตฟอร์มใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างยอดขายให้ดียิ่งขึ้น สำหรับการบุกตลาดออนไลน์ในต่างประเทศจะเริ่มขยายไปประเทศที่ยังไม่เคยไป โดยจะขายผ่านทางแพลตฟอร์มต่าง ๆ พร้อมกับหาคู่ค้าที่มีความเชี่ยวชาญด้านกระจายสินค้าและระบบการขนส่งสินค้าที่รวดเร็ว และคาดว่าในอนาคตเทรนด์การขายจะเปลี่ยนเป็นรูปแบบ NSR (non store retailing) หรือการขายโดยไม่มีหน้าร้านแทน เช่น ออนไลน์ ทีวี เป็นต้น ซึ่งจะเติบโตขึ้นประมาณ 30-40%

นอกจากนี้ ในส่วนของการขยายตลาดต่างประเทศ บริษัทจะเน้นไปที่ประเทศในกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา, เวียดนาม) ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวียดนามที่เป็นตลาดที่มีโอกาสสูง จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงและประชากรที่มีขนาดใหญ่ และมีการขยายตัวของกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางสูงที่สุดในอาเซียน ซึ่งนอกจากจะบุกตลาดออนไลน์แล้ว ยังเล็งบุกตลาดออฟไลน์มากขึ้น อาทิ การขายผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย การขายผ่านห้าง เป็นต้น

Advertisment

“ที่ผ่านมาซาบีน่าได้จับมือกับพันธมิตร อาทิ Peanuts จากภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง พีนัตส์ เดอะ มูฟวี่ ที่มีตัวการ์ตูน สนูปปี้เป็นตัวชูโรง เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยเด็ก และเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าทั้งในด้านไซซ์ที่หันมาผลิตพลัสไซซ์และการเลือกระดับฟองน้ำได้เอง อีกทั้งยังลดเม็ดเงินโฆษณาทางทีวี และหันมายิงโฆษณาผ่านทางออนไลน์ และลดใช้จ่าย ควบคู่กับการมีแคมเปญกระตุ้นยอดขายต่าง ๆ เช่น Black Friday, 9.9, 11.11 เป็นต้น

พร้อมเพิ่มช่องทางการขายใหม่ ๆ ผ่านตู้เวนดิ้งพลัส SABINA GRAB & GO 600-700 ตู้ พร้อมกับการทำบัดเจตไพรซ์เน้นสินค้าในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงง่าย ผนวกกับโครงการช้อปดีมีคืนของรัฐบาลจะทำให้ยอดขายจะกลับมาเติบโตเพิ่มขึ้นได้ในสิ้นปีนี้”

สำหรับกลยุทธ์สำคัญในปี 2564 นอกจากการรุกตลาดออนไลน์แล้ว บริษัทยังจะให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนในด้านต่าง ๆ รวมทั้งทยอยปิดหน้าร้านที่มียอดขายน้อย เพื่อลดค่าใช้จ่ายจากเรื่องค่าเช่าและค่าจ้างพนักงาน รวมทั้งจะมีการลดการผลิตในประเทศ และเพิ่มการนำเข้าโดยการสั่งผลิตจากต่างประเทศแทน เพื่อลดความเสี่ยงหากค่าเงินบาทอ่อนตัว และสร้างรายได้เพิ่มจากการรับจ้างผลิตกลุ่มสินค้าไลน์อื่น ๆ เช่น ยูนิฟอร์ม เสื้อเชิ้ต เป็นต้น

“ที่ผ่านมาในไตรมาสที่ 3 ซาบีน่ามีรายได้รวม 815.1 ล้านบาท ลดลง 3.8% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่มี 847 ล้านบาท จากกำลังซื้อที่ลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าในไตรมาส 4 จะดีขึ้นถึง 47% จากปัจจัยการกลับมาของผู้ซื้อในประเทศ และการซื้อขายผ่านออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น และมีปัจจัยเสริมจากประเทศเพื่อนบ้านที่ระงับการสั่งซื้อสินค้ามานาน จะกลับมาซื้ออีกครั้งในจำนวนที่มากขึ้น”

Advertisment