พลังประชารัฐ-องครักษ์พิทักษ์ 3 ป. “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กป็อก”…ใครอย่าแตะ

ยกแรกของการซักฟอกรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยที่สอง ในศึกอภิปรายร่างนโยบายรัฐบาล ระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. กว่า 29 ชั่วโมง กำลังจะระเบิดศึกขึ้น ก่อนระฆังจะดังหมดยกในเวลา 1 นาฬิกาของวันที่ 27 ก.ค.

พลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคแกนนำรัฐบาล จัดเต็มอัตราศึก 22 ส.ส. เป็นองครักษ์พิทักษ์ 3 ป. ป.ประยุทธ์ – ป.ประวิตร และ ป.ป็อก – พล.อ.อนุพงษ์ 

“วีระกร คำประกอบ” ส.ส.นครสวรรค์ พลังประชารัฐ “หัวหน้าชุด” 22 ส.ส. พปชร. “ติวเข้ม” องครักษ์พิทักษ์ 3 ป…. 3 ป.ข้าใครอย่าแตะ

“มีการซักซ้อมคณะที่ทำหน้าที่ดูแลท่านนายก ฯ ท่านประวิตร ท่านอนุพงษ์ ส่วนรัฐมนตรีที่เป็นนักการเมืองอื่น ๆ เชื่อว่าท่านเตรียมข้อมูลที่จะมาตอบอยู่แล้ว เราก็ไม่ยุ่ง”

“ถ้าไม่จำเป็น ผู้อภิปรายอภิปรายอยู่ในประเด็น คือ การแถลงนโยบาย ต่อให้ต่อว่า ต่อขาน หรืออะไรที่เป็นเรื่องนโยบายเราจะไม่ยุ่ง ถ้าไม่มีการก้าวล่วงตัวบุคคลจนเกินไป นิด ๆ หน่อย ๆ แตะกันพอได้ แต่ถ้าลงลึก เอาเรื่องเก่าๆ มาพูดที่ผ่านไปแล้ว เช่น ในยุค คสช. สมัยนั้นมาพูด ต้องถือว่านอกประเด็น ถือเป็นเรื่องส่วนตัว”

นอกจาก “วีระกร” แล้ว ยังมี “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล และ “สุชาติ ชมกลิ่ม” ประธาน ส.ส.เป็น “ผู้ประสาน” พรรคร่วมรัฐบาล-พรรคฝ่ายค้าน-ส.ว. และ ส.ส.ของพรรค

“องครักษ์พิทักษ์ 3 ป.” ถูกจัดวางโพสิชันเป็น “หน่วยประท้วง” พรรคฝ่ายค้านเพื่อให้การอภิปรายอยู่ในประเด็นเรื่องนโยบายรัฐบาล ไม่ให้ “แตะตัว” 3 ป.ในเรื่องส่วนตัว-ขุดคุ้ยข้อมูลเชิงลึก

22 ส.ส.พปชร. ถูก “ติวเข้ม” ในเรื่องการประท้วงและการใช้ “ข้อบังคับ” ข้อที่ 43 จำนวน 5 ประเด็น ได้แก่ 1.การอภิปรายนอกเรื่อง 2.การใช้กิริยาวาจาไม่สุภาพ “พูดไปชี้หน้าประธานไป” 3.การใช้วัตถุที่ไม่ได้รับการรับรองมาประกอบการอภิปราย-เอกสารต้องผ่านการรับรองจากประธานสภา 4.การพูดเสียดสี-ถ้อยคำหยาบคาย และ 5.การอภิปรายถึงบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็น

“วีระกร” จะเป็นคน “กำกับการแสดง” ในการ “ส่งซิก” ว่าใครจะเป็นผู้ลุกขึ้นประท้วง-อภิปราย เพราะ “คนประท้วงก็ต้องกล้าหาญชาญชัย หน้าบึ้งนิดหน่อย ยิ้มไปประท้วงไปไม่ได้ ประท้วงต้องถูกต้องตามข้อบังคับ”

แม้การลุกขึ้นประท้วงจะเป็นการ “เผาเวลา” การอภิปรายของฝ่ายรัฐบาลเองโดยไม่จำเป็น แต่เป็น “แทคติก” เพราะจะเป็นการ “ทำลายจังหวะ” ของฝ่ายค้านสะดุด-ชะงักในการอภิปราย

“เราไม่อยากทำหรอก ถ้าผู้อภิปรายอภิปรายอยู่ในประเด็นก็เป็นสิทธิที่จะอภิปราย ถ้าอภิปรายได้ดี อยู่ในประเด็น เสนอแนะความคิดเห็นต่อรัฐบาลก็น่าจะรับฟังกันอยู่แล้ว ถ้าพูดอยู่ในประเด็นเราไม่มีประท้วงอยู่แล้ว”

“วีระกร” ในฐานะคน “กำกับจังหวะ” การประท้วง  กังวลการอภิปราย “เรื่องส่วนตัว” 3 ป.แห่งบูรพาพยัคฆ์ โดยจะ “ประท้วงไม่เลิก”

“กลัวแต่ว่า ไม่พูดในประเด็นเรื่องนโยบายรัฐบาล กลัวจะไปพูดเรื่องส่วนตัว ด่านอกเรื่อง หลอกด่านอกเรื่อง เอาอยู่เรื่อย มันก็ไม่ไหว จนกระทั่งไม่เกี่ยวอะไรกับนโยบายของรัฐบาล ประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์ ประชาชนไม่ได้ประโยชน์”  

“เราก็จะประท้วงอย่างเดียว ขัดจังหวะให้เขาหยุดพูด ถ้าไม่หยุดพูดก็ประท้วงให้เลิกพูดนั่นแหละ”

ในฐานะลงสนามผู้แทนตั้งแต่ปี 2526 – นักการเมืองที่เจนจัดอยู่ในสภาตั้งแต่สมัย “อาจารย์คึกฤทธิ์” เขาชื่นชม “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ “มากที่สุด”


“คนหนึ่งที่น่าชื่นชมในการค้นคว้าหาข้อมูล คือ อาจารย์ปิยบุตร เป็นคนที่อภิปรายได้น่าฟัง ลีลาอาจจะไม่เท่าไร ไม่เหมือนนักการที่ใช้น้ำเสียงกระแทกกระทั้น สำนวนโวหาร แต่ข้อมูลที่ท่านเอามาพูดน่าชื่นชม เพราะพูดได้ดี น่าชื่นชม”อดีต ส.ส.นครสวรรค์ 7 สมัยชื่นชมคู่แข่งขัน-ขั้วตรงข้ามทิ้งท้าย