‘เฟด’ จับตาไวรัสโคโรน่า ปัจจัยชี้ดอกเบี้ย 2020

REUTERS/Yuri Gripas

ารประชุมคณะกรรมการการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อ 29 ม.ค. 2020 มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5-1.75% โดยอ้างถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่เริ่มฟื้นตัวจากการลดอัตราดอกเบี้ยถึง 3 ครั้ง เมื่อปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ การคงอัตราดอกเบี้ยของเฟดตลอดปี 2020 เป็นสิ่งที่ทั่วโลกประเมินไว้อยู่แล้วบนสมมุติฐานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

แต่ปัจจัยใหม่ที่ควบคุมไม่ได้อย่างการระบาดของ ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสมมุติฐานการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และทิศทางนโยบายดอกเบี้ยของเฟด ซึ่ง นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวภายหลังการประชุมว่า “เฟดจับตาสถานการณ์การระบาดของไวรัสที่จีนอย่างระมัดระวัง”

ถึงแม้ว่าเฟดยังไม่เปิดเผยตัวเลขผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ประธานเฟดกล่าวอย่างชัดเจนว่า การ
ชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนจากไวรัสโคโรน่าย่อมส่งผลกับสหรัฐอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คำกล่าวของ “พาวเวลล์” ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดอาจเปลี่ยนแนวโน้มนโยบายดอกเบี้ยในปีนี้

โดย “FedWatchTools” บ่งชี้ว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ค.นี้

ทั้งนี้ ตัวเลขผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนเป็นสิ่งที่ต้องติดตามเพื่อประเมินแนวโน้มของเฟด โดยในช่วงแรก ๆ ของการระบาด นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า ความเสียหายต่อเศรษฐกิจจีนอาจไม่รุนแรงเท่ากับกา รระบาดของโรคซาร์ส เมื่อปี 2003 แต่เมื่อสถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้น ทอมมี่ วู นักเศรษฐศาสตร์จาก ออกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโคโรน่าอาจมากกว่าโรคซาร์ส เนื่องจากการระบาดที่รวดเร็วในช่วงเทศกาลตรุษจีน

Advertisment

สอดคล้องกับงานวิจัยจากบริษัทหลักทรัพย์โนมูระระบุว่า การระบาดอาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
จีนในไตรมาส 1/2020 มากกว่า 2% และบางส่วนประเมินการเติบโตเศรษฐกิจจีนทั้งปี 2020 อาจลดลงเหลือ
เพียง 4.5% หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น

ขณะที่ การระบาดของไวรัสอู่ฮั่น เกิดขึ้นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญขอเศรษฐกิจจีน จึงทำให้ผลกระทบรุนแรงมาก โดยซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างอิงข้อมูลจากซินหัวว่า ชาวจีนจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลตรุษจีนเมื่อปี 2019 มากกว่า 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และการออกมาตรการจำกัดการท่องเที่ยวและความกังวลเชื้อไวรัสส่งผลกระทบกับการบริโภคโดยตรง รายงานยกตัวอย่างว่า ธุรกิจภาพยนตร์ของจีน ซึ่งปีที่ผ่านมามียอดขายตั๋วช่วงเทศกาลตรุษจีน ประมาณ 721 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 8% ของทั้งปี การสั่งปิดโรงภาพยนตร์หลายพันแห่งทั่วประเทศย่อมส่งผลกับธุรกิจโดยตรง

โดย นายหลิว เสี่ยวหมิง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมของจีนระบุว่า ยอดทริปท่องเที่ยวภายในประเทศของจีนลดลง 30% ในวันแรกของเทศกาล เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่การเดินทางโดยเครื่องบินและระบบรางลดลง 41% นี่เป็นเพียงตัวเลขผลกระทบจากการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น

ถึงแม้สถานการณ์จะสงบลง รวมถึงรัฐบาลอาจออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว แต่เชื่อว่าชาวจีนยังคงหวาดระแวง และไม่เดินทางท่องเที่ยวเหมือนเช่นเคยเป็นเวลาอีกนาน

Advertisment

นอกจากนี้ ทางการจีนยังประกาศขยายวันหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน ถึงวันที่ 2 ก.พ.ทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทของจีนได้รับผลกระทบโดยตรง จากที่ต้องปิดสำนักงาน เช่น หัวเว่ย อาลีบาบา และเทนเซ็นต์ เป็นต้น โดยพบว่า เทนเซ็นต์ ประกาศให้พนักงานราว 54,000 คน หยุดงานจนถึงวันที่ 9 ก.พ. และมีแนวโน้มว่าอาจขยายเพิ่ม รวมถึงมาตรการ ปิดเมือง สำคัญ ๆ ก็ทำให้เศรษฐกิจจีนหยุดชะงัก

รอยเตอร์สรายงานว่า ระดับความกังวลของเฟดจากถ้อยแถลงการณ์ของนายเจอโรม พาวเวลล์ อยู่ในระดับเดียวกันกับแถลงการณ์เมื่อ .. 2003 ในช่วงการระบาดของโรคซาร์ส ซึ่งส่งสัญญาณถึงการประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ที่น่าจะไม่น้อยกว่าเมื่อครั้งเกิดระบาดโรคซาร์สอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนั้นเฟดประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ 0.3% ในช่วงครึ่งปีหลัง 2003 และช่วงต้นปี 2004