ความคืบหน้าหลังจากการบรรลุข้อตกลงเข้าซื้อกิจการ “แอร์อินเดีย” (Air India) เมื่อ ต.ค. 2021 ส่งผลให้สายการบินแห่งชาติอินเดียกลับสู่อ้อมอกของ “ทาทา ซันส์” กลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ของอินเดียอีกครั้ง แต่การเข้ามาบริหารครั้งนี้ไม่ใช่งานง่าย ด้วยปัญหาที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน กลายเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ทาทาต้องเร่งสะสาง
ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานว่า หลังจากที่รัฐบาลอินเดียส่งมอบสายการบิน “แอร์อินเดีย” ให้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของทาทาเมื่อปลายเดือน ม.ค. 2022 ตามข้อตกลงเข้าซื้อกิจการก่อนหน้านั้น ทาทาได้เริ่มแผนการปฏิรูปองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อฟื้นฟูกิจการที่บรรพบุรุษของตนก่อตั้งขึ้นเมื่อ 89 ปีก่อน
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- หวยงวด 16 พ.ค. 67 ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้
- หวยงวด 16 พ.ค. สถิติหวย ผลการออกรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ ย้อนหลัง 10 ปี
ในแผนการปฏิรูปสายการบินแห่งชาติ ทาทาต้องเร่งแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็นการจัดการกับเครื่องบินเก่าที่ยังคงให้บริการ ปัญหาวัฒนธรรมองค์กรแบบระบบราชการที่ล้าหลัง รวมถึงปรับปรุงศักยภาพเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
โดยทาทาจะยังคงจ้างพนักงานเดิมของแอร์อินเดียราว 13,500 คน ต่อไปอีก 1 ปี ก่อนที่จะเสนอโครงการเกษียณอายุด้วยความสมัครใจเพื่อปรับปรุงโครงสร้างบุคลากร ส่วนสวัสดิการที่พนักงานเคยได้รับในฐานะรัฐวิสาหกิจจะถูกจำกัดลง อย่างการยกเลิกสวัสดิการที่พักอาศัยสำหรับพนักงานที่มีผลแล้ว
“จิเทนดรา บาร์กาวา” อดีตกรรมการบริหารสายการบินแอร์อินเดีย ระบุว่า การปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กรเป็นสิ่งสำคัญต่อการฟื้นฟูแอร์อินเดีย เนื่องจากวัฒนธรรมระบบราชการที่ผ่านมานั้นไร้ประสิทธิภาพ การสร้างแรงจูงใจให้พนักงานปฏิบัติงานอย่างเต็มศักยภาพก็เป็นเรื่องที่ทาทาต้องให้ความสำคัญ
นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการแอร์อินเดียก็เป็นโอกาสที่ทาทาจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบิน เนื่องจากปัจจุบันทาทาถือครองหุ้น 51% ในสายการบินฟูลเซอร์วิส “วิสตารา” (Vistara) และยังถือหุ้นในสายการบินราคาประหยัด “แอร์เอเชีย อินเดีย” ถึง 84%
ขณะที่การครอบครองกิจการแอร์อินเดีย ทำให้ทาทาได้รับสิทธิช่องจอดในสนามบินถึง 6,200 จุดในอินเดีย และอีก 900 จุดในสนามบินทั่วโลก “เอเดรียน โชฟิลด์” บรรณาธิการ นิตยสารอุตสาหกรรมการบิน “เอวิเอชั่นวีก” ระบุว่า การรวมสายการบินย่อยจะเป็นก้าวต่อไปของทาทา ซึ่งจะทำให้ทาทามีโอกาสครองส่วนแบ่งในตลาดการบินอินเดียถึง 23%
อย่างไรก็ตาม แผนการปฏิรูปนี้ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น ปัจจุบันการดำเนินงานของแอร์อินเดียยังคงสร้างความเสียหายสูงถึง 2.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/วัน ดังนั้นการปรับปรุงหรือเปลี่ยนเครื่องบินใหม่ที่ต้องใช้เงินทุนมหาศาลอาจยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในเร็ววัน
ทั้งนี้ แอร์อินเดียก่อตั้งขึ้นในปี 1932 โดย เจ. อาร์. ดี. ทาทา ก่อนที่รัฐบาลอินเดียจะเข้าครอบครองและโอนเป็นรัฐวิสาหกิจในปี 1953 แต่ภายใต้การบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ ทำให้แอร์อินเดียมีหนี้สินพอกพูนถึง 8,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ข้อตกลงเข้าซื้อกิจการแอร์อินเดีย กลุ่มทาทาไม่ได้แบกรับภาระหนี้สินทั้งหมด เนื่องจากทาทาเสนอดีลซื้อกิจการครั้งนี้ด้วยมูลค่า 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นการจ่ายเงินให้รัฐบาลราว 375 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนที่เหลือเป็นการชำระหนี้สินของแอร์อินเดียบางส่วน
ขณะที่บริษัทโฮลดิ้งของรัฐบาลยังคงเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของแอร์อินเดีย มูลค่าเกือบ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังแบกรับหนี้สินราว 3 ใน 4 ของหนี้สินทั้งหมด และทาทายังสามารถเข้าถึงเงินกู้ระยะยาวดอกเบี้ยต่ำจากสถาบันการเงินภาครัฐ สำหรับชำระหนี้ของแอร์อินเดียได้อีกด้วย
“คาปิล เคาล์” ผู้บริหารของบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยการบิน “ซีเอพีเอ อินเดีย” ระบุว่า “ทาทาอาจต้องใช้เวลาฟื้นฟูแอร์อินเดีย 3-5 ปี แต่ช่วง 12-18 เดือนแรกมีความสำคัญอย่างมากต่อการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์และสร้างเสถียรภาพขององค์กร”