ฝุ่นภาคเหนือคลี่คลายแล้ว กรมฝนหลวงฯ เปิดใจแผนปฏิบัติการ 28 วัน

กรมฝนหลวงฯ

ฝุ่นภาคเหนือคลี่คลายแล้ว! ฝนหลวงฯ เปิดใจ แผนปฏิบัติการจำนวนทั้งสิ้น 28 วัน ลุยช่วยเหลือพื้นที่เกษตร-อ่างเก็บน้ำช่วงฤดูเพาะปลูกย้ำ! พร้อมจับมือ จ.เชียงใหม่ รับมือสถานการณ์ฝุ่นในปีถัดไป

วันที่ 28 เมษายน 2566 นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ประชุมสรุปผลการปฏิบัติการฝนหลวงภารกิจบรรเทาปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ

โดยมีนายชัชวาลย์ ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ผู้แทนจากกองบิน 41 สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นายสุพิศกล่าวว่า ตามที่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทยประสบปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละออง ที่อยู่ในเกณฑ์เกินมาตรฐาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพี่น้องประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งในปีนี้สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤตเป็นเวลาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมจนถึงปัจจุบัน

เนื่องจากความแห้งแล้ง และมีการเผาไหม้ชีวมวลต่าง ๆ ทั้งจากในประเทศและประเทศข้างเคียง อีกทั้งเป็นช่วงของฤดูกาลที่จะมีชั้นบรรยากาศที่มีอุณหภูมิผกผัน ส่งผลให้ฝุ่นละอองไม่สามารถระบายหรือเคลื่อนตัวจากผิวพื้นขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศที่อยู่เหนือขึ้นไปได้ จึงทำให้มีการสะสมของฝุ่นละอองและมีความรุนแรงมากขึ้น

กรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวเป็นประจำทุกปีและประสานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อวางแผนช่วยเหลือพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม-27 เมษายน 2566 ได้ปฏิบัติการฝนหลวงด้วยอากาศยานขนาดกลาง (CASA) และประยุกต์ใช้อากาศยาน (CN, CASA) ติดตั้งเครื่องพ่นสเปรย์ฉีดน้ำแรงดันสูงซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่จะช่วยเปิดชั้นบรรยากาศ เพื่อให้ฝุ่นละอองที่มีการสะสมลอยตัวขึ้นไปได้ เป็นการบรรเทาและลดความหนาแน่นของฝุ่นละอองในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ รวมแผนปฏิบัติการจำนวนทั้งสิ้น 28 วัน 85 เที่ยวบิน ใช้น้ำจำนวน 97,200 ลิตร และน้ำแข็งแห้ง จำนวน 21,800 กิโลกรัม ช่วยเหลือบริเวณพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง พะเยา ลำพูน สุโขทัย และจังหวัดน่าน รวมถึงใช้เฮลิคอปเตอร์ตักน้ำดับไฟป่าบริเวณอำเภอฮอดและอำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ปฏิบัติการรวม 42 เที่ยวบิน ใช้ปริมาณน้ำ 25,200 ลิตร ซึ่งผลจากการปฏิบัติภารกิจทั้งหมดได้ช่วยบรรเทาให้สถานการณ์แต่ละพื้นที่ลดความรุนแรงลงได้

นายสุพิศกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอดการปฏิบัติภารกิจดังกล่าว กรมฝนหลวงฯ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หน่วยงานในพื้นที่ ช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้กับพี่น้องประชาชน รวมถึงในช่วงเดือนเมษายนที่สถานการณ์ค่อนข้างวิกฤต

กรมฝนหลวงฯ ได้รับการสนับสนุนการอำนวยความสะดวกในด้านการจราจรทางอากาศ โดยวิทยุการบิน การท่าอากาศยานเชียงใหม่และกองบิน 41 อำนวยความสะดวกเรื่องหลุมจอดเครื่องบิน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่และกองบิน 41 สนับสนุนกำลังพลปฏิบัติงานภาคพื้นในการจัดเตรียมสารฝนหลวงและนำขึ้นเครื่องบิน และสนับสนุนน้ำที่ใช้ในการโปรย รวมถึงยังมีหน่วยงานที่สำคัญ ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สนับสนุนน้ำแข็งแห้งไม่น้อยกว่า 30 ตัน และกรมชลประทาน สนับสนุนรถบรรทุกเพื่อการขนส่งสารฝนหลวงและน้ำแข็งแห้ง ซึ่งเป็นการผนึกกำลังช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนกันอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ปัญหาหมอกควัน ไฟป่า และฝุ่นละอองในปีนี้จะคลี่คลายลงแล้ว แต่กรมฝนหลวงและการบินเกษตรยังคงมีการเฝ้าติดตามและเฝ้าระวังกันต่อไป และพร้อมรับมือสถานการณ์หมอกควัน ฝุ่นละอองในปีหน้าด้วยความพร้อมทั้งด้านอากาศยาน เจ้าหน้าที่ และความร่วมมือจากหน่วยงานของแต่ละจังหวัด และหลังจากนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร มีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค จะปฏิบัติการฝนหลวงภารกิจบรรเทาปัญหาภัยแล้งช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเพาะปลูก และเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อน อ่างเก็บน้ำ สำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคและด้านการเกษตร รวมถึงยังมีการเฝ้าระวังการเกิดพายุลูกเห็บ

เนื่องจากพายุฤดูร้อน ในช่วงวันที่ 28 เมษายน-2 พฤษภาคม 2566 ประเทศไทยตอนบนหลายพื้นที่มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ประกอบกับจะมีความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ซึ่งจะส่งผลทำให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และอาจเกิดลูกเห็บตกบางแห่ง ทั้งนี้ พี่น้องประชาชน พี่น้องเกษตรกร สามารถติดตามข้อมูลข่าวสาร แจ้งสถานการณ์ความต้องการน้ำเพื่อขอรับบริการฝนหลวงได้เป็นประจำทุกวัน ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค อาสาสมัครฝนหลวงในพื้นที่ หน่วยงานอำเภอ-จังหวัด ช่องทางโซเชียลมีเดีย @drraa_pr และหมายเลขโทรศัพท์ 0-2109-5100 ต่อ 410