ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2562 บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) “STA” ประกาศแจ้งการควบบริษัทระหว่าง ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด “STGT” และ บริษัท ไทยกอง จำกัด (มหาชน) “TK” ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้น
โดยบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบบริษัทมีชื่อว่า “บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)” ทำให้ ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีโรงงานผลิตถุงมือยางธรรมชาติ และถุงมือยางสังเคราะห์ ทั้งสำหรับการบริโภคในทางการแพทย์และในเชิงไลฟ์สไตล์ รวม 5 โรงงาน ใน 3 จังหวัดทางภาคใต้ของไทย ได้แก่ จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ตรัง โดยมีกำลังการผลิตถุงมือยางทั้งสิ้นราว 21,200 ล้านชิ้นต่อปี นับได้ว่าเป็นกำลังการผลิตที่สูงที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
- ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจผลรางวัล งวด 16 พ.ค. 2567
- ราคาทองเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์-ทองคำเพื่อลงทุนในไทยพุ่ง
- หวยงวด 16 พ.ค. 67 ถ่ายทอดสด ตรวจผลรางวัล ผลสลากกินแบ่งฯ วันนี้
“บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายที่จะมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตถุงมือยางที่ใช้ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลกในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทดังกล่าว ยังคงอัตลักษณ์และสถานะการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัทศรีตรัง ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจยางธรรมชาติครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในโลก (The World’s Leading Fully Integrated Green Rubber Company)
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทศรีตรังมีความรู้สึกยินดีต่อการควบรวมบริษัทในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ถือเป็นก้าวย่างสำคัญในการเพิ่มกำลังการผลิตที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการถุงมือยางของโลกได้มากขึ้นจากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 17,200 ล้านชิ้นต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 21,200 ล้านชิ้นต่อปี และสิ้นปี 2562 นี้ คาดว่าจะสามารถผลิตได้ถึง 23,000 ล้านชิ้นต่อปี
โดยปัจจุบันเราสามารถขยายฐานลูกค้าถุงมือยางได้มากกว่า 120 ประเทศทั่วโลก
ซึ่งบริษัทศรีตรังโกลฟส์ฯ จะยังคงยึดแนวทางการบริหารและวิสัยทัศน์ด้านการส่งมอบการปกป้องทุกสัมผัส ด้วยความห่วงใยสู่ทุกชีวิตทั่วโลกต่อไป หรือ To deliver the “Touch Of Life” on a global scale