ราคายาไม่ใช่ปริศนาอีกต่อไป เมื่อมี GoodRx

แฟ้มภาพ

คอลัมน์ Startup ปัญหาทำเงิน

โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ

ยา คือหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มนุษย์ทุกคนพึงมีสิทธิเข้าถึงอย่างเท่าเทียม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ยากลับเป็นสินค้าที่มีราคาสูงลิ่ว จนคนจำนวนมากเอื้อมไม่ถึง

แม้แต่ในประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกา ปัญหาราคายาที่พุ่งกระฉูดกำลังส่งผลกระทบอย่างมหาศาล

ขณะที่ภาครัฐและองค์กรผลักดันให้แก้กฎหมายเพื่อความโปร่งใสในกำหนดราคายา วงการสตาร์ตอัพก็ไม่นิ่งดูดาย หาทางช่วยผู้บริโภคเช่นกัน

หนึ่งในนั้นคือ GoodRx ที่รวมราคายาจากกว่า 70,000 ร้านยาทั่วประเทศ เพื่อให้เปรียบเทียบราคาได้ง่าย ๆ จากแอปและเว็บไซต์ของบริษัท

ดั๊ก เฮิร์ช อดีตผู้บริหาร Yahoo ก่อตั้ง GoodRx ในปี 2011 หลังพบว่า แต่ละร้านราคาต่างกันเป็นร้อยเหรียญและพบว่า ในกูเกิลไม่มีราคาให้เปรียบเทียบ เพราะยาเป็นสินค้าที่มีกลไกราคาลึกลับซับซ้อนที่สุดตัวหนึ่ง มันถูกกำหนดจากการต่อรองหลายช่วง เช่น ระหว่างผู้ผลิตกับบริษัทบริหารผลประโยชน์ด้านยาของผู้เอาประกัน (drug benefits managers) ผู้ที่ต่อมาทำหน้าที่ต่อรองกับร้านยา และบริษัทประกันอีกทอดหนึ่ง การเจรจาแต่ละช่วงล้วนมีผลต่อราคาในตลาด ส่งผลให้ร้านยาที่ห่างกันเพียงไม่กี่ก้าวก็ยังขายยาในราคาที่แตกต่างกัน

ครั้นพอมีการเรียกร้องให้เปิดเผยราคาอย่างโปร่งใส บริษัทก็มักอ้างว่าเป็นความลับทางธุรกิจ ทำให้ไม่สามารถเปิดเผยได้

ถึงจะมีข้อมูลจำกัด ดั๊กก็ไม่ละความพยายามที่จะทำตารางเปรียบเทียบราคายาออกมาเผยแพร่ โดยร่วมมือกับร้านขายยาชั้นนำและห้างค้าปลีก จนรวบรวมราคายามาได้ 7 หมื่นกว่าร้าน

เพียงแค่พิมพ์ชื่อยา ระบบจะโชว์ลิสต์ร้านยาใกล้ที่อยู่ของเรามากที่สุดให้ พร้อมบอกราคาให้เสร็จ

ทั้งยังร่วมกับร้านยาแจกคูปองส่วนลดให้ดาวน์โหลดฟรี มีแพ็กเกจรายเดือน “GoodRx Gold” ให้ส่วนลดเพิ่ม ช่วยประหยัดได้ถึง 80%

ตั้งแต่เปิดบริการมา 8 ปี บริษัทเคลมว่าช่วยให้คนประหยัดค่ายาได้กว่า 1 หมื่นล้านเหรียญ ปัจจุบันมีผู้ใช้งานเฉลี่ยเดือนละ 10 ล้านคน และบริษัทมีมูลค่ากว่า 2.8 พันล้านเหรียญ

กระนั้น บริการ GoodRx ก็แก้ปัญหาต้นเหตุไม่ได้ ตราบที่กระบวนการกำหนดราคายังคงขาดความโปร่งใส

รายงานของคณะกรรมาธิการของสภาพบว่า แม้แต่ผู้มีประกันสุขภาพอย่าง Medicare ที่ได้ส่วนลดแล้ว ก็ยังมีค่ายาสูงขึ้นถึง 62% ระหว่างปี 2011-2015 และยังพบว่า ยาหลัก 20 ตัวสำหรับผู้สูงอายุ มีราคาสูงขึ้นถึง 10 เท่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และกว่า 40% ของคนอเมริกันซื้อแผนประกันสุขภาพที่มีมูลค่าสูง หมายถึงแผนประกันที่มีเบี้ยประกันต่ำ แต่หักเงินสูงกว่าแผนสุขภาพแบบดั้งเดิม โดยเฉลี่ยจะต้องหักเงินก่อนถึง 1 พันเหรียญถึงจะใช้ได้ ซึ่งสวนทางกับฐานะของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีเงินเก็บไม่ถึง 1 พันเหรียญ

ปัญหายาราคาแพงส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยต้องหาทางประหยัดด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งลดปริมาณการใช้ยา หรือหักแบ่งเม็ดยาเพื่อจะได้ใช้ได้นานขึ้น หรือพานไม่กินยามันเสียเลยเพราะสู้ราคาไม่ไหว กลายเป็นผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมของคนในประเทศ

สิ่งที่ดั๊กหวัง คือ วันที่อเมริกามีโครงการหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า ที่ให้ประชาชนเข้าถึงยาดีมีคุณภาพ ในราคาเป็นธรรมและเท่าเทียม

ระหว่างนั้นบริการของ GoodRx ก็ยังคงอยู่ เป็นที่พึ่งยามยากที่พอจะช่วยบรรเทาภาระอันหนักอึ้งให้แก่ผู้บริโภคต่อไป