“เชียงราย” จัดใหญ่วิ่งข้ามโขงเชื่อมสัมพันธ์ไทย-ลาว คาดผู้เข้าร่วมกว่า 2 พันคน

พระอาจารย์เอกชัย สิริญาโณ เจ้าอาวาสวัดใหม่ศรีร่มเย็น อ.เชียงของ จ.เชียงราย และประธานที่ปรึกษาโครงการวิ่งสายสัมพันธ์ ณ เชียงของ สองฝั่งโขง Chiang Khong Run for Friendship 2018 เชื่อมโยงไทย-สปป.ลาว Mini-Half Marathon Run for Friendship

เปิดเผยว่า ประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว มีความสัมพันธ์อันดีไปมาหาสู่กันเป็นประจำ ในปี 2561 ถือเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวของ สปป.ลาว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ร่วมกันจัดกิจกรรมวิ่งสายสัมพันธ์ขึ้นอีกครั้ง จากที่ผ่านเคยจัดกิจกรรมวิ่งข้ามแม่น้ำโขงไปยังฝั่ง สปป.ลาว แล้วหลายครั้ง ซึงพื้นที่ชายแดนไทย-สปป.ลาว ฝั่งที่ติดแม่น้ำโขงใน อ.เชียงของ จ.เชียงราย ถือว่ามีศักยภาพในการส่งเสริมการการท่องเที่ยวและกีฬาควบคู่กันไปได้

 

กิจกรรมดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 17-18 ก.พ.2561 ในที่ 17 ก.พ.จะมีการรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากกรุงเทพฯและเชียงรายไปยังสถานที่พัก คาดว่าจะมีผู้ร่วมวิ่งอย่างน้อย 2,000 คน และจะมีการจัดคอนเสิร์ตบริเวณท่าเรือบั๊คติดแม่นำโขงในเขต ต.เวียงเชียงของ และกิจกรรมตลาดสินค้าพื้นบ้าน จากนั้นเวลา 04.00 น. วันที่ 18 ก.พ. จะมีกิจกรรมต้อนรับหน้าด่านพรมแดนเชียงของใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำโขง และเวลา 05.00 น. จะมีกิจกรรมประชาสัมพันธ์ของ จ.เชียงราย ร่วมร้องเพลงก่อนมีพิธีเปิด โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธานเปิดงาน หลังจากนั้นจะมีการแสดง 1 ชุด ก่อนปล่อยคณะนักวิ่งไปตามถนนอาร์สามเอจากฝั่ง อ.เชียงของ ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขงไทย-สปป.ลาว แห่งที่ 4 ไปถึงเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว และวิ่งวกกลับมายังจุดสิ้นสุดซึ่งเป็นจุดเดิมในฝั่งไทยต่อไป

ทั้งนี้ การวิ่งแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่วิ่งด้วยระยะทาง 5 กิโลเมตร ซึ่งข้ามสะพานแล้ววกกลับมาเลย ส่วนกลุ่มที่วิ่งด้วยระยะทาง 10 กิโลเมตร เมื่อวิ่งข้ามสะพานไปแล้วจะวกกลับตรงจุดที่กำหนดไว้ และกลุ่มที่ไกลที่สุดคือวิ่งเป็นระยะทาง 21 กิโลเมตร ลึกเข้าไปในเมืองห้วยทรายจนถึงปั๊ม ปตท.ในเมืองห้วยทรายแล้วกลับมายังฝั่งไทย

อย่างไรก็ตามนักวิ่งทุกคนจะได้รับเสื้อ 1 ตัวก่อนออกวิ่ง เมื่อถึงเส้นชัยจะได้รับหมอนปลาบึก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ อ.เชียงของ และกระเป๋าเป้ 1 ใบ สำหรับผู้ที่วิ่งระยะ 21 กิโลเมตร จะได้เสื้อยืดเพิ่มอีก 1 ตัว ทั้งนี้กิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีต้นทุนด้านความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 คือเส้นทางที่เป็นเอกลักษณ์ และคาดว่าในอนาคตจะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้อีกอาจจะเป็น 2 เดือนต่อ 1 ครั้ง

Advertisment