ตลาดอาหารแม็กซิกันมาแรง โทรีเซนไทยฯ ดึง “ทาโก้ เบลล์” เสริมพอร์ตธุรกิจ

“ทาโก้ เบลล์” จับมือโทรีเซนไทยฯ บุกหนักรับเทรนด์ตลาดร้านอาหารสไตล์แม็กซิกันโตต่อเนื่อง ชูจุดแข็งด้วยกลยุทธ์หลัก เมนูหลากหลาย-เน้นคุณภาพ-ราคาคุ้มค่า มัดใจผู้บริโภค
ปักธงสาขาแรกในไทยย่านชิดลม เล็งเปิด 24 ชั่วโมงรองรับลูกค้าไทย-เทศ พร้อมตั้งเป้า40 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปี

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาพรวมตลาดร้านอาหารแม็กซิกัน มีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เนื่องจากคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ความนิยมรับประทานอาหารสไตล์แม็กซิกันเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดไทยก็ยังมีร้านอาหารสไตล์แม็กซิกันที่เป็นแบรนด์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น

จากแนวทางดังกล่าว หลังจากได้รับสิทธิแฟรนไชส์จากบริษัท ยัม แบรนด์ส อิงค์ จากสหรัฐเข้ามาทำธุรกิจในไทย ภายใต้การบริหารของบริษัท สยาม ทาโก้ ในเครือบริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ และตระกูลมหากิจศิริ ได้นำแบรนด์“ทาโก้ เบลล์”ร้านอาหารจานด่วนกึ่งแม็กซิกัน เข้ามาเปิดสาขาแรก ที่ศูนย์การค้าเดอะเมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม บนพื้นที่กว่า 200 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ 60 ที่นั่ง ในคอนเซ็ปต์ การตกแต่งที่สะท้อนวัฒนธรรมร่วมสมัย ชูจุดขายเมนู ครั้นชี่ ทาโก้ และเมนูยอดอิตทรงแปดเหลี่ยมอย่าง ครั้นซ์แรป ซูพรีม และอื่น ๆ มีราคาเริ่มต้น 69-189 บาท

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจจากนี้ไป บริษัทมีจะขยายสาขาให้ได้ 40 สาขาทั่วประเทศ ภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งรูปแบบของร้านที่จะเข้าไปเปิดให้บริการ จะเน้นไปเช่าพื้นที่ในห้างค้าปลีก หรือร้านในรูปแบบสแตนอโลน แต่ละสาขาคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และทำเล ส่วนสาขาที่ 2 คาดว่าน่าจะได้เห็นในเร็วๆ นี้ ควบคู่กับทำกิจกรรมการตลาดเน้นการสื่อสารผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มจะเปิดให้บริการร้านทาโก้เบลล์ 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับผู้บริโภคย่านศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งช็อปปิ้งในกรุงเทพ ซึ่งอยู่ระหว่างการวางแผนคาดว่าในอนาคตจะได้เห็นอย่างแน่นอน
“ก่อนหน้านี้บริษัทได้สำรวจตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภคไทย พบว่าอาหารสไตล์แม็กซิกัน เป็นอีกหนึ่งในอาหารที่คนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติชื่นชอบ จึงตัดสินใจนำแบรนด์ ทาโก้เบลล์ เข้ามาเปิดสาขาในไทย เพราะทำเลดีและเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของบริษัท”
อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของ ทีทีเอ คือเพิ่มรายได้จากธุรกิจอาหารเป็น 15-20% ภายในช่วง 2 – 3 ปี จากปัจจุบันธุรกิจอาหารมีสัดส่วนรายได้ 10% โดยนโยบายหลักคือ การซื้อสิทธิ์หรือไลเซ่นส์แบรนด์อาหารต่างๆทั้งในไทยและต่างประเทศเข้ามาพัฒนาให้เติบโตต่อเนื่อง

Advertisment

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!

Advertisment