พรรคขาใหญ่ ประชันอีเวนต์การเมือง แข่งเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ-หาเสียง

แคนดิเดตนายก
รายงานพิเศษ

ทั้งที่ประเทศไทยวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตัวจริงต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จากปมวาระ 8 ปี ปล่อยให้ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี วาดลวดลายลงพื้นที่ในฐานะ “นายกฯ ชั่วคราว”

ทว่า การเมืองรอบสัปดาห์นี้กลับคึกคัก ประหนึ่งปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นแล้ว

เมื่อพรรคการเมืองทั้งเก่า-ทั้งใหม่ต่างขยับตัว เปิดอีเวนต์กันครึกโครมไม่แคร์นายกฯ ที่ถูกพักงาน

สมคิด รีเทิร์น แคนดิเดตนายกฯ

แม่น้ำต้นสายอย่างพรรคสร้างอนาคตไทย ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ 2 แผ่นดิน เดินสายหลอมรวมพรรคลูกและกำลังจะออกแรงก๊อกสองปฏิบัติการ Last War

โดยในวันที่ 7-8 กันยายน จะมีการสัมมนาพรรคสร้างอนาคตไทย โดยในวันที่ 7 กันยายน 2565 จะเป็นการประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ซึ่งจะมีมติสำคัญมอบตำแหน่งให้กับนายสมคิด

มี 2 ตำแหน่งที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ คือตำแหน่ง “ประธานที่ปรึกษาพรรค” กับตำแหน่ง “ประธานพรรค” เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งสูงสุดคือ “แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี”

แต่สเต็ปแรก “สมคิด” ต้องสมัครเป็น “สมาชิกพรรค” เสียก่อน ไม่เช่นนั้นจะเข้าข่ายครอบงำ-ถูกยุบพรรค

“มันมีขั้นตอนตามกฎหมาย ไปประกาศก่อนจะมีปัญหา ข้อกฎหมายมันเยอะ กกต.ก็จับตา ฝ่ายตรงข้ามก็จับตา ทำอะไรไม่ได้เลย” นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย “อุบไต๋” เตรียม “เก้าอี้ใหญ่” ไว้ให้อดีตประธานสหพัฒน์กรุ๊ป

ส่วนไฮไลต์วันที่ 8 กันยายน 2565 “สมคิด” จะปรากฏตัวเป็น ๆ ต่อหน้า ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.-สมาชิกพรรค ที่จะมาแสดงเจตนารมณ์-ร่วมอุดมการณ์กับพรรค มีการ “ซักซ้อม” ทำความเข้าใจกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต ให้เข้าใจ “ยุทธศาสตร์หาเสียง” เลือกตั้ง โดยเฉพาะการ Egco กองทุนสร้างอนาคตไทย 3 แสนล้าน เพื่อขอฉันทานุมัติให้เข้าไปเป็นฝ่ายบริหารใน “รัฐบาลใหม่”

กรณ์-สุวัจน์ รวมร่าง

หลังจาก “กรณ์ จาติกวณิช” และ “กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ” ควงแขนกันลาออกจากหัวหน้าพรรคและประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้า จับมือร่วมงานการเมืองกับ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” ประธานพรรคชาติพัฒนา เหลือเพียงพิธีกรรมทางกฎหมาย

โดยพรรคชาติพัฒนาจะประชุม กก.บห.พรรค เพื่อกำหนดวันประชุมใหญ่พรรค เพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้บริหารพรรค- ชื่อพรรค เปิดตำแหน่งว่าง 4 ตำแหน่ง

1.ประธานยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ 2.ประธานยุทธศาสตร์การเมือง 3.ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง และ 4.ประธานยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี

โดยอาจบายพาสให้นายกรณ์นั่ง “หัวหน้าพรรค”

“วันนี้พรรคชาติพัฒนาไม่ได้มองไปถึงจุดนั้น (แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี) เพราะวันนี้ เชิญท่านกรณ์มากู้วิกฤตเศรษฐกิจ มาร่วมมือกับผม มาร่วมมือกับพรรคชาติพัฒนา จับมือกัน รวมพลังกันแก้ปัญหาให้ประเทศ ส่วนตำแหน่งอะไรในอนาคตก็ว่ากันอีกที เป็นไปตามจังหวะทางการเมือง เป็นไปตามจังหวะปฏิทินทางการเมืองที่เกี่ยวข้อง”

“ปัญหาอย่างหนึ่งของพรรคชาติพัฒนาคือ ชื่อพรรค เป็นปัญหาอย่างหนึ่งที่ต้องคิดเหมือนกัน เรื่องชื่อพรรค” นายสุวัจน์กล่าวทีเล่นทีจริงหลังจากนักข่าวเรียกชื่อพรรคชาติพัฒนาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา

โดยชื่อพรรคที่เป็น “กระแสแรง” อยู่ในตอนนี้คือ “กล้าพัฒนาชาติ”

ส่วนพรรคกล้าที่ “ไร้หัว” นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี จะนั่งหัวโต๊ะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการพรรคกล้า จัดประชุมใหญ่เดือนกันยายน เพื่อกำหนดทิศทางใหม่

นิพนธ์ ลาออก กระเทือน ปชป.

เอฟเฟ็กต์การ “ชิงไขก๊อก” รมช.มหาดไทยของ “นิพนธ์ บุญญามณี” เพื่อเดินหน้าต่อสู้คดีละเว้นไม่เบิกจ่ายค่ารถซ่อมบำรุงทางอเนกประสงค์ สมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา ในศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบกลาง สะเทือนไปทั้งกระดานการเมือง

สะเทือนโครงสร้าง กก.บห.ประชาธิปัตย์ ในฐานะที่นายนิพนธ์เป็นรองหัวหน้า-ขุนพลภาคใต้พรรค กำกับกรมส่งเสริมปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็น “หัวใจ” ให้กับพรรคในการต่อยอดศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

ปัจจุบัน กก.บห.ประชาธิปัตย์ยังแหว่งอยู่หลายตำแหน่ง เช่น รองหัวหน้าพรรค-แม่ทัพเศรษฐกิจ ตัวจริง-เสียงจริง ที่ยังควานหาตัวไม่ได้ และคนที่จะมาแทน “ปริญญ์ พานิชภักดิ์” และ “มัลลิกา บุญมีตระกูล” ที่ไขก๊อกออกไป

หากจะมีการปรับโครงสร้างบริหารพรรค-เสียบเก้าอี้รัฐมนตรีแทนนายนิพนธ์ จะต้องเรียกประชุมใหญ่วิสามัญของพรรค เพื่อปรับทัพไปในครั้งเดียว

อาจจะถือโอกาสตั้ง “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เข้ามาเป็นผู้บริหารพรรค หลังจากได้รับไฟเขียวจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ให้เข้ามาเป็น “หัวหน้าทีมการศึกษาทันสมัย” และขุนพลเลือกตั้งในสนาม กทม.

โดยเฉพาะสะเทือนไปถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงปลายสมัยของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเมื่อการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด 4 คน คือ 1.นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง 2.นายวิรัช ร่มเย็น 3.นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ 4.นางกันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา มีหน้าใหม่คือ นายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา-รองหัวหน้าพรรค ภาคใต้อีกคน

คลื่นใต้น้ำ พปชร. กระเพื่อม

ขณะที่พรรคใหญ่ อย่างพรรคพลังประชารัฐ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” สวมหมวก 3 ใบ รองนายกรัฐมนตรี-รักษาราชการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อีเวนต์ยาวเหยียด

โดย พล.อ.ประวิตร “วางคิว” ลงพื้นที่ตรวจราชการต่างจังหวัด “ทุกวันจันทร์” ตลอดเดือนกันยายน

แม้พลังประชารัฐบนผิวน้ำสงบนิ่ง แต่มี “คลื่นใต้น้ำ” เป็นแรงกระเพื่อม รอจังหวะต้องปรับ ครม. หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยปมนายกรัฐมนตรี 8 ปี

เป็น “ไฟต์บังคับ” ภายหลังศาลฎีกาสั่ง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ “หยุดปฏิบัติหน้าที่” คดีออกโฉนดที่ดินทับเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และแนวเขตป่าไม้ถาวรเขาใหญ่-นิพนธ์ วางบรรทัดฐานให้กับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ ส.ส.ภาคใต้ แม้กระทั่ง ส.ส.กลุ่มปากน้ำ ก่อนหน้านี้ที่ใช้เอกสิทธิ์ “โหวตสวน” มติพรรค เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

ยิ่งการเลือกตั้งงวดเข้ามา เก้าอี้ มท.1 ยิ่งถูกจับตา เพราะเป็นตำแหน่งที่ให้คุณ-ให้โทษต่อพรรคการเมือง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน

ยังมีรัฐมนตรีอีก 2 เก้าอี้ที่เป็นโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ที่ว่างเว้นอยู่

หลังอีเวนต์ทางการเมืองของพรรคใหญ่-พรรคเล็ก ไม่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ พล.อ.ประวิตร อาจจะถือโอกาสรีเฟรช-ปรับครม.ครั้งใหญ่ เพื่อเข้าสู่โหมดการเลือกตั้งก็เป็นได้

ภูมิใจไทย ขยายอำนาจแดนใต้

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย ขยายแดนอำนาจไปทั่วภาคใต้ แย่งชิงพื้นที่กับพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวผู้สมัครไปแล้วหลายจังหวัด อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ขยายคีย์เวิร์ดการเมือง “พูดแล้วทำ” ประกาศนโยบาย โครงการพักชำระหนี้ระยะเวลา 3 ปี ให้ประชาชนเลือกจ่ายภาษีให้บ้านเกิดเมืองนอนได้

อนุทินกล่าวว่า เฉพาะภาษีบ้านเกิดเมืองนอน และการพักหนี้ประชาชนรายละ 1 ล้านบาท 3 ปี ทำให้เงินไปถึงกระเป๋าพี่น้องประชาชนให้เร็วที่สุด ลดภาระให้พี่น้องประชาชนให้มากที่สุด ในฐานะคนไทยที่ทำธุรกิจ มันก็เหมือนกับอาชีพอื่น มีเงินในกระเป๋าก็สบายใจ รู้แล้วว่าต่างต้องการเงิน และต้องการเวลาให้ได้หายใจ ให้ได้คิด ให้ได้ทำ

ขณะเดียวกัน ขยาย “บุรีรัมย์โมเดล” ไปยังจังหวัดต่าง ๆ โดยแต่ละจังหวัดควรจะต้องมีงบพัฒนาด้านการท่องเที่ยว 300-500 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณตรงนี้จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศถึง 5 ล้านล้านบาท

เข็นอุ๊งอิ๊งต่อเนื่อง

พรรคเพื่อไทย เตรียมพร้อมเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง ผ่านการเดินสายของ “ครอบครัวเพื่อไทย” ที่โคจรไปแล้วหลายจังหวัด

เป็นโครงการปั้นภาพลักษณ์ “อิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม มานั่งเก้าอี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค แต่ละเวทีจะมีการพูดถึงนโยบาย ที่จะกลายมาเป็นแคมเปญหาเสียงเลือกตั้ง

ครั้นพอเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย เตรียมเปิดนโยบาย ผ่าน ขยับขยายสมาชิก จะมีทยอย ๆ ออกมา พลันที่ปิดสมัยประชุมสภา พรรคเพื่อไทยสั่ง ส.ส.ทุกคนลงพื้นที่ห้ามเกียร์ว่าง

สุดารัตน์ นายกฯ ไทยสร้างไทย

ด้านพรรคไทยสร้างไทย ที่ลงพื้นที่ทั้งอีสาน-เหนือ-ใต้ ทยอยเปิดตัวผู้สมัคร ชูโมเดลเศรษฐกิจปากท้อง “บำนาญประชาชน” เดือนละ 3 พันบาท สำหรับผู้สูงวัย ตั้งกองทุนสตาร์ตอัพ-ธุรกิจ SMEs ปลดล็อกรัฐราชการ ฯลฯ อีเวนต์ล่าสุดที่จะมาถึงคือ เปิดตัว “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานพรรค นั่งหัวหน้าพรรคอย่างเต็มตัว ควบเก้าอี้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ในวันที่ 9 กันยายน

“โภคิน พลกุล” ประธานยุทธศาสตร์ ขับเคลื่อนประเทศ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่พรรคไทยสร้างไทยจะปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค โดยเลือกหัวหน้าพรรค รองหัวหน้าพรรค รวมถึงตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ โดยพรรคจะเสนอให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นหัวหน้าพรรค เมื่อถึงวันเลือกตั้งจะผลักดันเป็นแคนดิเดตนายกฯคนที่ 1 ของพรรค

เนื่องจากพวกเราดูว่าวิกฤตบ้านเมืองในขณะนี้ เราต้องการคนที่เสียสละ ถ้าดูคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นนายกฯในอนาคต ต้องเป็นคนที่มีประสบการณ์ เข้าใจการบริหารราชการ เคยทำงานการเมือง คุณหญิงสุดารัตน์จึงถือว่ามีความสุกงอมทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิ

ก้าวไกล ปั้น ส.ส.เขต 50 ที่นั่ง

ด้านพรรคก้าวไกล เปิดแคมเปญ 9 เดือน 9 เข้าสู่โหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ รวมถึงเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เกิน 20 คน จากนั้นจะทยอยเปิดตัวผู้สมัครไปทั่วประเทศยาวไปทั้งเดือนตุลาคม

ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลในเดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเริ่มขยับพูดเรื่องนโยบายในภาพกว้างในระดับพื้นที่ เช่น นโยบายอีสานเหนือบน ต้องมีนโยบายเกี่ยวกับลุ่มน้ำโขง การท่องเที่ยว เพื่อให้ใกล้ชิดกับพื้นที่ กับนโยบายระดับชาติที่เป็น “เรือธง” เช่น การเมือง สาธารณสุข การศึกษา เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม จะเปิดตัวช่วงใกล้ ๆ เลือกตั้ง

“พรรคก้าวไกลเตรียมแผนสำหรับการเลือกตั้งสูตรหาร 100 ทิศทางต้องเน้น ส.ส.เขต ยังไงพรรคอยากใหญ่ขึ้น ต้องมี ส.ส.เขตมากกว่า ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่แล้ว”

ชัยธวัชมั่นใจว่า การเลือกตั้งเที่ยวนี้มี ส.ส.เขตในใจที่จะได้อยู่ 50-70 ที่นั่ง ที่มีความสามารถ แต่ทำงานจริง คะแนนไม่ได้นอนมา ต้องอยู่ที่ผู้สมัครด้วย กระแสพรรคสุดท้ายต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง

ทุกพรรคการเมืองขยับเตรียมตัว รับศึกเลือกตั้ง