ฝนป่วน ครม.เศรษฐา 1/2 ย้ายที่ถ่ายรูปเข้าตึกสันติไมตรีครั้งแรก

ครม.เศรษฐา 1/2

รัฐมนตรีป้ายแดงเข้าทำเนียบ เตรียมประชุม ครม.เศรษฐา 1/2 แต่ฝนตกทำให้การถ่ายรูปก่อนประชุม ครม.ใหม่ 12 คน 13 ตำแหน่ง ต้องย้ายเวทีถ่ายรูปหน้าตึกไทยคู่ฟ้า มาถ่ายรูปภายในโถงกลางตึกสันติไมตรี

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1/2 ซึ่งเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก มีรัฐมนตรีใหม่ทยอยเข้าทำเนียบรัฐบาลมาตั้งแต่ช่วงเช้า โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เดินทางมาถึงคนแรก เวลา 07.40 น. เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ตามมาด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม

เศรษฐา ทวีสิน
เศรษฐา ทวีสิน

อย่างไรก็ตาม เวลา 09.00 น. ได้มีฝนตกลงมาเล็กน้อย จึงทำให้การถ่ายรูปหมู่ ครม.เศรษฐา 1/2 เดิมที่จะถ่ายรูปในเวลา 09.30 น. หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ต้องย้ายมาถ่ายรูปมาที่ห้องโถงกลางตึกสันติไมตรีแทน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในการถ่ายรูปรัฐมนตรีใหม่ที่ตึกสันติไมตรีก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่

ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงทำเนียบรัฐบาลในเวลา 08.25 น. หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินลงมาบริเวณสนามหญ้า ด้านหน้าตึกไทยคู่ฟ้าเพื่อตรวจความพร้อมในการถ่ายรูปหมู่ของคณะรัฐมนตรี พร้อมเร่งรัดอยากให้มีการถ่ายรูปเร็วขึ้น เนื่องจากเกรงว่าฝนจะตก โดยกล่าวว่าหากรัฐมนตรีมาพร้อมแล้วขอให้มาถ่ายรูปเลยไม่ต้องรอเวลา แต่เนื่องจากกำหนดนัดเวลาเดิมคือ 09.30 น. ทำให้ยังมีคณะรัฐมนตรีมาไม่ครบ และฝนเริ่มตกลงมาจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ และนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นไปรอบนตึกไทยคู่ฟ้า

Advertisment

ผู้สื่อข่าวถามนายกรัฐมนตรีถึงการแบ่งงานของรัฐมนตรีกระทรวงต่าง ๆ นายเศรษฐากล่าวว่าต้องให้เกียรติรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่าง ๆ ว่าจะแบ่งการกันอย่างไร ส่วนในตำแหน่งของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ขณะนี้มีการแบ่งงานเรียบร้อยแล้ว 95% ซึ่งบางกระทรวงอาจจะต้องมีการพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่า ถ้ายังมีงานค้าง เพราะการดูแลประชาชนก็ต้องให้เขาช่วยเหลือ

การแบ่งงานในส่วนของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนได้บอกไปแล้วถ้าพร้อมกันอยู่บ้าง แต่ยังมีบางเรื่องที่ยังทับซ้อนกันอยู่บ้าง ซึ่งก็ต้องมาพูดคุยกัน ส่วนจำเป็นต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีคนเก่าหรือไม่ แล้วแต่หากท่านสะดวก หรือจะพูดคุยกับปลัดกระทรวงก็ได้ ตนไม่อยากให้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน บางครั้งก็มีโครงการค้างอยู่ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างไรก็ต้องทำต่อไป

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีโฟกัสนโยบายเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่มี เราทำทุกเรื่องตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา อันนี้เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญมาก

เมื่อถามว่าการแบ่งงานและนายกรัฐมนตรียึดจากอะไร นายเศรษฐากล่าวว่าดูความเหมาะสมและความสามารถของแต่ละบุคคลด้วย

Advertisment

เมื่อถามว่าปรับ ครม.แล้วจะทำให้การทำงานขับเคลื่อนไปได้ด้วยดีหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่านั่นคือจุดมุ่งหมายหลัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนเก่าจะขับเคลื่อนไม่ได้ แต่ตนเคยเรียนแล้วว่าในช่วงเวลาที่มันเปลี่ยน 8-9 เดือนที่ผ่านมา มันก็มีความต้องการในภาคส่วนที่ต่างออกไป เมื่อต้องมีการเสริมงานกับฝ่ายนิติบัญญัติก็ต้องมีการปรับเปลี่ยนไป

เมื่อถามว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นมากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนว่าความเชื่อมั่นมากับผลงาน การพูดจาอะไรมันก็เป็นส่วนหนึ่ง เหมือนกับการให้ความคาดหวัง แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลงาน อยากจะขอความยุติธรรมด้วย ว่าหลาย ๆ นโยบายต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน หรือการแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน รวมไปถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ ตนเชื่อว่าเรื่องเหล่านี้น่าจะได้เริ่มต้น

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเตรียมหารือกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนคิดว่าทุก ๆ ความเคลื่อนไหวมันทำให้ลดความขัดแย้ง เป็นเรื่องที่เหมาะสมและเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำ

เมื่อถามว่าเชื่อมั่นนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ หรือไม่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถตอบสนองนโยบายของรัฐบาล นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าตนมั่นใจ เพราะอย่างน้อยสองฝ่ายมีความพยายาม ก็เป็นเรื่องที่ดี

เมื่อถามว่ามีการสำรวจความเห็นของประชาชน 7 เดือน ที่ทำงานมา ได้ 6-7 คะแนน ปรับ ครม.แล้วจะได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การให้คะแนนเป็นเสียงสะท้อนอย่างหนึ่ง การมาอยู่ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่ต้องรับฟังเสียงสะท้อน ไม่ว่าจะได้คะแนนเท่าใด อย่างไรมันก็ไม่เต็มสิบ ดังนั้น เราก็มีความพยายามทำงานต่อไป จะต้องมานั่งดูว่าส่วนใดที่ทำได้ไม่ดี แต่หากสิ่งไหนที่พยายามแล้ว แต่ยังติดขัด ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะทำงานด้วย

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การทำงานกับข้าราชการไม่มีปัญหา และคิดว่าข้าราชการเป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ โดยจะต้องมีการพูดคุยกันและเน้นเนื้องานเป็นหลัก แต่ปัญหาวันนี้มันอยู่ที่ว่าปัญหาใหญ่เหลือเกิน อันนี้คือปัญหามากกว่า เพราะหากปัญหาใหญ่มาก ๆ ก็ต้องใช้ทุกภาคส่วน

เมื่อถามว่าจะต้องมีการกำหนด KPI รัฐมนตรีใหม่หรือไม่ ว่าผลงานต้องเห็นชัดภายในกี่เดือน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าต้องมีการพูดคุยกัน บางเรื่องต้องให้เสร็จเมื่อไหร่ บางเรื่องเราก็อาจจะพูดถึงสิ่งที่เราอยากเห็น เงื่อนงำของเวลา บางครั้งก็มีตัวแปรอื่นที่มันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ KPI พวกนี้เราก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตลอด

เมื่อถามต่อว่าจะมีการกำหนด KPI ในระยะเวลา 6-7 เดือนเหมือนเดิมหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไม่เกี่ยว บางเรื่องหากต้องจบภายใน 2 สัปดาห์ก็ต้องจบ บางเรื่องต้องใช้เวลา 2-3 ปีก็มี แล้วแต่ เพราะหลายเรื่องมันต้องใช้เวลา เช่นเรื่องการลงทุนต้องประสานงานกับทุกฝ่าย แต่ตนมั่นใจว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ทุกคนจะให้ความสำคัญกับปัญหาของประชาชนเป็นหลัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับวาระการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันอังคารที่ 7 พฤษภาคม นอกจากจะมีวาระแบ่งงานรองนายกฯ และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีใหม่แล้ว ยังมีวาระเพื่อพิจารณา 16 เรื่อง วาระเพื่อทราบไม่มีข้อทักท้วง 15 เรื่อง วาระเพื่อทราบเป็นข้อมูล 4 เรื่อง และวาระเพื่อทราบ 6 เรื่อง

อาทิ กระทรวงพาณิชย์เสนอการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยเสนอ ครม.เห็นชอบ นายวุฒิไกร ลีวีระพันธ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ กระทรวงมหาดไทย เสนอร่างแถลงการณ์ร่วมในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านการพัฒนาชนบทและขจัดความยากจน ครั้งที่ 13

คณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet เสนอ ครม.รับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล กรณีการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet