กางปฏิทินเลือกตั้ง กกต.เคาะ 24 มี.ค. เปิดรับสมัคร 4-8 ก.พ. รับรองผล 9 พ.ค.ป้องกันโมฆะรอบ 3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับปฏิทินเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดนั้น ระบุว่า 15-23 ม.ค. เป็นช่วงที่คาดว่าพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ประกาศให้มีการเลือกตั้ง จะลงในราชกิจจานุเบกษา ถัดจากนั้นประมาณวันที่ 23-28 กกต.ประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค. และภายหลังที่ พ.ร.ฎ.มีผลบังคับใช้นับไป 12 วัน จะเป็นวันที่ กกต.เปิดรับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขต ซึ่งตรงกับวันที่ 4 – 8 ก.พ. โดยพรรคการเมืองที่จะเสนอชื่อบุคคลที่เป็นนายกในบัญชีพรรค จะต้องส่งชื่อภายในช่วงเวลาดังกล่าว จากนั้นเป็นช่วงที่พรรคการเมืองหาเสียงได้จนถึงเวลา 18.00 น.ของวันที่ 23 มี.ค. ทั้งนี้ หากนับวันหาเสียงตั้งแต่ช่วงเวลาที่คาดว่า พ.ร.ฎ.จะมีผลบังคับใช้จนถึงวันเลือกตั้งที่คาดว่าเป็นวันที่ 24 มี.ค. พรรคการเมืองจะมีเวลาหาเสียงได้มากกว่า 50 วัน และภายหลังการเลือกตั้งประมาณ 47 วัน กกต.จะประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พ.ค.

รายงานข่าวจาก กกต.ระบุว่า ขณะนี้ กกต.ได้จัดปฏิทินเลือกตั้งถึง 6 รูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับการประกาศ พ.ร.ฎ.แต่วันเลือกตั้ง 24 มี.ค.เป็นวันที่รัฐบาลเห็นว่าเหมาะสมกับการจัดการเลือกตั้งมากที่สุด ตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ระบุไว้ อีกทั้ง กกต.สามารถประกาศรับรองผลเลือกตั้งได้ภายใน 9 พ.ค. ซึ่งไม่เกินกรอบ 150 วันของรัฐธรรมนูญ และไม่มีความเสี่ยงที่จะขัดรัฐธรรมนูญเป็นผลให้การเลือกตั้งโมฆะ

ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 ม.ค.ถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.ว่า แล้วแต่ กกต.เห็นว่าเหมาะอย่างไร โดยตนเองเห็นหลายจุดว่า 3 และ 10 มี.ค.อาจกระชั้นไปเมื่อเทียบกับวันที่จะประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่รู้จริงว่าจะประกาศเมื่อไหร่ จึงอาจทำให้เหลือระยะเวลาหาเสียงสั้น ถ้าเป็น 17 มี.ค.อาจมีปัญหากับเด็กที่สอบ TCAS จำนวนเป็นแสนคน และเป็นวัยมีสิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นจึงเหลือวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งก็น่าจะเหมาะที่สุด และพระราชกฤษฎีกาก็น่าจะประกาศใช้ได้ในสัปดาห์หน้าอย่างที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมบอกไว้

 

 

Advertisment

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!