คาเฟ่ Leica แห่งที่ 2 ของโลก ดื่มกาแฟ ลอง-ซื้อกล้อง จบในที่เดียว

เป็นธรรมดาที่คนเรามีการจับกลุ่มเพื่อนฝูงและกลุ่มคนรู้จักที่มีความชอบ ความสนใจอะไรเหมือนกัน พอนัดเจอกันทีพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ยาวเป็นวัน ๆ ด้วยความที่เห็นว่าการพูดคุยแลกเปลี่ยนถือเป็นส่วนหนึ่งในไลฟ์สไตล์ของคนเราไปแล้ว จึงมีสถานที่สำหรับรวมกลุ่มคนที่สนใจอะไรคล้ายกันเกิดขึ้นมามากมาย อย่างเช่น ร้านคาเฟ่ของกลุ่มคนรักจักรยาน อาหารของกลุ่มคนชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน ฯลฯ

 

เมื่อเร็ว ๆ นี้ได้มีร้านคอนเซ็ปต์สำหรับกลุ่มคนชอบอะไรเหมือนกัน เกิดขึ้นมาอีกหนึ่งร้าน คือ Cafe Leitz by Pacamara (คาเฟ่ ไลท์ซ บาย พาคามาร่า) ไลฟ์สไตล์คาเฟ่สำหรับคนรักกล้องไลก้า แห่งที่ 2 ของโลก ก่อตั้งโดย ดนัย สรไกรกิติกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอลิส ไพรเวต จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายกล้อง “ไลก้า”

Cafe Leitz by Pacamara ต้องการผสมผสานความรื่นรมย์ของชีวิตคนรุ่นใหม่ อย่างการถ่ายภาพ อาหาร กาแฟ และมิตรภาพ รวมไว้ในที่เดียว เพื่อเป็นคอมมิวนิตี้ของกลุ่มคนรักไลก้าและการถ่ายภาพ ให้มีพื้นที่ที่นั่งได้สบาย ๆ สำหรับแชร์ความรู้ เทคนิค ประสบการณ์การถ่ายภาพ และลองฟังก์ชั่นกล้องไลก้า

ร้านนี้ตั้งอยู่บนอาคาร The Helix Quartier ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ พื้นที่หลัก ๆ ของร้านก็เหมือนคาเฟ่ ร้านกาแฟทั่วไป ที่มีโต๊ะให้นั่งในบรรยากาศโปร่ง ๆ ไม่อึดอัด ส่วนที่แตกต่างจากร้านกาแฟ คือ มีโซน Leica ที่มีกล้องให้ลอง มีพนักงานคอยให้บริการ ตอบคำถาม สามารถหยิบจับ ลองใช้กล้องตัวโชว์ได้ และพรินต์ภาพฝีมือตัวเองได้ฟรี ขนาด 4×6 นิ้ว คนละ 1 ใบ ส่วนใครอยากซื้อกล้องก็สามารถซื้อตรงนี้ได้เลย นอกจากนั้น ร้านนี้ยังเป็นแล็บสำหรับเวิร์กช็อปถ่ายภาพกับผู้เชี่ยวชาญของไลก้า สำหรับคนที่ซื้อกล้องจะได้รับสิทธิ์เรียนฟรี 2 คน ส่วนคนที่ไม่ได้ซื้อต้องจ่ายค่าเวิร์กช็อปคอร์สละ 6,000 บาท

พาชมและให้ข้อมูลร้านกันไปแล้ว ทีนี้เราจะพาชิมกาแฟและอาหารกันบ้าง ในส่วนกาแฟและอาหาร ดำเนินการโดย Pacamara Coffee Roaster (พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์ส) ผู้ทำธุรกิจกาแฟประเภท specialty ชื่อดังที่มีประสบการณ์คัดสรรเมล็ดกาแฟจากแหล่งปลูกสำคัญทั่วโลก

กาแฟของพาคามาร่าเป็นกาแฟคั่วอ่อนถึงกลาง เพื่อให้กินคู่กับอาหารแล้ว รสชาติกาแฟไม่เข้มมากเกินจนไปทำลายรสชาติความอร่อยของอาหาร

คอนเซ็ปต์การดีไซน์เมนูของร้านนี้ คือ รสชาติกลมกล่อม และเน้นมิติของรสชาติ คือ มีหลายรสชาติในเมนูเดียว แต่เป็นหลายรสชาติที่มีมิติ มีเลเยอร์ แต่ละรสชาติไม่ได้เผยออกมาพร้อมกันทีเดียว แต่จะค่อย ๆ เผยให้สัมผัสรับรสชาติไปทีละรส

ในส่วนกาแฟ หลาย ๆ เมนูเป็นเมนูที่ดัดแปลงเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น เพื่อเปิดประสบการณ์การดื่มกาแฟให้คนไทย เพราะเห็นว่าคนไทยจำนวนมากมี perception เกี่ยวกับกาแฟไม่ค่อยดีนัก จึงอยากให้คนที่ไม่ใช่คอกาแฟ ดื่มกาแฟได้ง่ายขึ้น

กาแฟที่ร้านเลือกมานำเสนอ เป็นเมนูร้อนหนึ่ง เย็นหนึ่ง เริ่มที่กาแฟร้อน เมนู Cortado Orange เมนูที่ดัดแปลงมาจากกาแฟ Cortado ของสเปน เป็นกาแฟเอสเพรสโซ่จากโรงคั่วของพาคามาร่า ที่สกัดเฉพาะส่วนหัวกาแฟ เพื่อให้ได้กลิ่นและรสชาติที่เข้มข้น เติมความหวานมันด้วยนม barista milk ที่คิดค้นมาเพื่อการชงกาแฟโดยเฉพาะ และเพิ่มมิติรสชาติและกลิ่นด้วยการโรยผิวส้มบนหน้ากาแฟ และเสิร์ฟพร้อมกับส้มสด ให้ได้กลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว

ส่วนเมนูเย็น คือ Old Fashion กาแฟ cola cold brew ที่ดัดแปลงมาจากเหล้าโอลด์แฟชั่นนั่นเอง ความพิเศษของเมนูนี้ คือ การใช้โคล่าสกัดกาแฟแทนการใช้น้ำ ใช้เวลา 6-8 ชั่วโมงเพื่อให้ได้รสชาติกาแฟที่นุ่มนวล เติมความสดชื่นด้วยเกรปฟรุตและน้ำมะนาว ผิวส้มเติมกลิ่นวานิลลาและเมเปิลไซรัป ออกมาเป็นเครื่องดื่มกาแฟเย็นที่รสชาติหวานนำ แต่เป็นหวานนุ่ม ๆ มีรสขมและเปรี้ยวตามมานิด ๆ ส่วนด้านกลิ่นนั้นหอมซับซ้อน เย้ายวนใจมาก ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น เป็นเมนูกาแฟที่ดื่มง่าย รสชาติดี จับคู่กับอาหารเมนูไหนก็รอด สำหรับคนที่ไม่ใช่เซียนกาแฟ ขอแนะนำเมนูนี้เลย

มาที่อาหารบ้าง ลองชิมเมนู E-San Pasta เป็นการเจอกันและผสมผสานอย่างลงตัวของอาหารอิตาเลียนกับอาหารอีสานบ้านเฮา วัตถุดิบหลักที่มองเห็น คือ เส้นสปาเกตตี แหนม และกุ้งแม่น้ำ ผัดปรุงรสออกมาได้รสชาติกลมกล่อม นัวปลาร้า แต่ไม่มีกลิ่นรบกวนใจสำหรับคนที่ไม่ชอบปลาร้า เพราะมีกลิ่นหอมผักชีลาวและผักแพวกลบกลิ่นปลาร้าได้สนิท แต่คนที่คุ้นชินกับปลาร้าคงจะอยากให้มีกลิ่นอีกสักหน่อย

ข้าวหมูฮ้อง เมนูจากทางภาคใต้ที่ถูกนำมาทวิสต์ให้ได้รสชาติกลาง ๆ หมูสามชั้นและเนื้อหมูตุ๋นยาจีนจนเปื่อยนุ่มรสชาติเข้าเนื้อ ส่วนข้าวก็ผัดกับซอสมีรสชาติพอดี ๆ โดยรวมรสเค็มกับหวานมาคู่กันพอดี ๆ และยังมีน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยว คล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด สำหรับใครที่อยากเพิ่มรสชาติด้วย เมนูนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเลยสำหรับคนที่อยากทานข้าว ซึ่งในร้านสไตล์คาเฟ่ไม่ค่อยมีเมนูข้าวเท่าไหร่นัก

ปิดท้ายด้วยของหวาน เมนูที่แนะนำก็คือ เจ้า Red Dot ก้อนกลม ๆ เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน ที่พาคามาร่าออกแบบเมนูนี้เพื่อไลก้าโดยเฉพาะ เป็นเค้กช็อกโกแลตกานาช ที่เอาช็อกโกแลตชั้นดีจากเบลเยียมไปเคี่ยวจนเป็นกานาช (ganache) ส่วนเนื้อเค้กเป็นเรดเวลเวต ไส้ข้างในสีแดงที่ดีไซน์ให้เป็น Red Dot คือ แยมราสป์เบอรี่ เป็นเค้กที่คนรักช็อกโกแลตจะต้องปลาบปลื้ม เพราะเนื้อเค้กดี รสชาติช็อกโกแลตเข้มข้น หวานน้อย ตัก ๆ ไปแป๊บเดียว รู้ตัวอีกทีก็หมดไปครึ่งก้อนแล้วจ้า


สำหรับคนที่เป็นแฟนไลก้าคงไม่ต้องแนะนำอะไร แค่เพียงรู้ว่าเป็นคาเฟ่ไลก้าแห่งที่ 2 ของโลก ก็ดึงดูดใจมากแล้ว แต่สำหรับคนทั่วไป ไม่ใช่แฟนไลก้า ก็สามารถเข้าไปกิน ไปดื่ม ได้อย่างสบายใจเช่นกัน